google.com, pub-6663105814926378, DIRECT, f08c47fec0942fa0 ANYA PEDIA | จัดอันดับ | 10 อันดับ| เรื่องผี| เรื่องสยองขวัญ| ที่สุดในโลก| ดูดวง| ประวัติศาสตร์

ช็อกไอ้หื่นเปิดปากรับโยนเหยื่อตกรถไฟยังไม่สิ้นลม!

ช็อกไอ้หื่นเปิดปากรับโยนเหยื่อตกรถไฟยังไม่สิ้นลม!

พี่สาวน้องแก้มหักหน้าตำรวจยับ คสช.รับไม้บี้ประภัสร์พ้นรฟท.
กระแสโซเชียลมีเดียระอุ! จี้ คสช. ไล่ "ประภัสร์" พ้น รฟท. รับผิดชอบเหตุสะเทือนขวัญฆ่าข่มขืน "น้องแก้ม" บนรถไฟ พร้อมเรียกร้องให้สั่งประหารชีวิต "ไอ้เกม" ขณะที่เจ้าตัวยืนยันไม่ลาออก แต่หากบอร์ดมีมติปลดก็พร้อมยอมรับ เผยเตรียมเอาผิดผู้บริหารที่ช่วย "วันชัย" เข้าทำงาน และสั่งสืบเหตุข่มขืนบนรถไฟ 2 รายเมื่อปี 44 เปิดจดหมายสาวปริญญาโท เหยื่อข่มขืน 13 ปีก่อน ระบุเจ็บช้ำทั้งกายใจอย่างแสนสาหัส แถมถูกบีบออกจากงานและไม่ได้เงินเยียวยา ด้านตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาทำแผนฯ อำมหิตโยนร่าง "น้องแก้ม" ออกจากรถไฟทั้งที่ยังมีลมหายใจ ด้านเรือนจำประจวบฯ ล้างคุกรอรับน้องใหม่ หวั่นถูกเพื่อนนักโทษจัดหนัก "บุ๋ม ปนัดดา" ผุดนครศรีธรรมราชโมเดล รณรงค์ข่มขืนเท่ากับประหาร

จากเหตุสะเทือนขวัญกรณีน้องแก้ม วัย 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนสตรีนนทบุรี หายตัวลึกลับขณะโดยสารมากับรถไฟตู้นอนขบวนรถเร็วที่ 174 นครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ(ขาขึ้น) เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังกลับจากไปเยี่ยมญาติที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมพี่สาว น้องสาวคนเล็ก และเพื่อนพี่สาว เบื้องต้นตำรวจพุ่งเป้าไปที่พนักงานประจำรถ 4 นาย ว่าอาจเกี่ยวข้องในการหายตัวไปของน้องแก้ม จึงนำตัวมาสอบปากคำ กระทั่งนายวันชัย แสงขาว อายุ 22 ปี พนักงานปูเตียงรถนอน การรถไฟแห่งประเทศไทย รับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าข่มขืนน้องแก้ม แล้วโยนร่างเหยื่อลงข้างทางในพื้นที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังค้นหาศพน้องแก้มจนเจอตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ตำรวจคุมตัว"ไอ้เกม" ทำแผนฯ
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 06:30 น. วันที่ 9 ก.ค. ที่สถานีรถไฟวังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์  พ.ต.อ.วันชัย ธารธรรม ผกก.สภ.ปราณบุรี และ พ.ต.ท.เจริญ ชลประเสริฐ พนักงานสอบสวน สภ.ปราณบุรี ได้นำตัว นายวันชัย หรือเกม แสงขาว ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางกำลังตำรวจหลายสิบนายคุ้มกันอย่างหนาแน่น หลังจากก่อนหน้านี้ตำรวจไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพได้ เนื่องจากมีญาติผู้ตายและประชาชนจำนวนมากจะเข้ารุมประชาทัณฑ์



วางแผนปิดไฟในตู้นอน
โดยวันนี้ตำรวจได้นำโบกี้รถไฟตู้นอนที่ 2 เลขข้างตู้ บนท.1026 ที่น้องแก้มโดยสารมาในคืนวันเกิดเหตุ มาจอดพักไว้ที่ชานชาลา จากนั้นนำตัวนายวันชัยที่อยู่ในสภาพอิดโรยขึ้นมาทำแผนฯ โดยนายวันชัยให้การอย่างไม่สะทกสะท้านว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้เสพยาบ้ารวม  3 เม็ด พร้อมนั่งดื่มเบียร์กับเพื่อนพนักงานด้วยกันจนเมา และเกิดอารมณ์ทางเพศขึ้น และก่อนหน้านั้นเห็นน้องแก้มที่มากับญาติตั๋วนอนขึ้นรถไฟจาก จ.สุราษฎร์ธานี  จึงวางแผนปิดไฟในตู้นอน

บีบคอ-ต่อยสลบแล้วข่มขืน
เมื่อรถไฟเข้าเขต จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารหลับสนิททั้งตู้นอน จึงย่องมาที่เตียงนอนหมายเลข 28 ที่น้องแก้มนอนหลับสนิทอยู่คนเดียว ก่อนมุดผ้าห่มขึ้นไปคร่อมร่าง เอามือข้างหนึ่งบีบคอแน่น แล้วใช้กำปั้นต่อยท้องจนน้องแก้มสลบ จากนั้นก็เปิดหน้าต่างรถไฟออกเพื่อกลบเสียงดังแล้วถอดเสื้อผ้าเหยื่อลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง ก่อนจะหันไปรื้อค้นสิ่งของที่อยู่ภายในกระเป๋าสะพายสีชมพูของน้องแก้มที่วางอยู่ที่ปลายเท้า เพื่อหยิบเอาไอแพดและโทรศัพท์มือถือไอโฟน 5 เอสติดมือไป

โยนรถไฟทั้งยังมีลมหายใจ
แต่จังหวะเดียวกันนั้นน้องแก้มเริ่มรู้สึกตัว ตนกลัวเหยื่อส่งเสียงร้องให้คนอื่นได้ยิน จึงเอามือสองข้างบีบคอจนแน่นิ่งไปอีกครั้ง และเกิดอารมณ์ทางเพศขึ้นมาอีก จึงลงมือข่มขืนซ้ำรอบสอง หลังเสร็จเกิดกลัวความผิดขึ้นมา จึงจับน้องแก้มเอาศรีษะพาดกับขอบหน้าต่างรถไฟ แล้วผลักร่างกระเด็นตกออกไป ทั้งๆ ที่น้องแก้มยังมีลมหายใจอยู่ แล้วจึงโยนสิ่งของ ทั้งเสื้อผ้าและผ้าปูที่นอนที่เปื้อนเลือด ทิ้งออกนอกหน้าต่างตามไปด้วยเพื่ออำพรางคดี แต่ตอนนั้นตนจำไม่ได้ว่าถึงบริเวณไหน เพราะมันมืดมากแล้วจึงแต่งตัวทำทีเป็นไม่รู้เรื่อง กลับไปนั่งที่ตู้ตนเองจนรถไฟถึงกรุงเทพ แล้วนำโทรศัพท์ของน้องแก้มไปขายที่ห้างเอดิสัน กระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว

อยากขอขมาแต่กลัวถูกตื้บ
นายวันชัย แสงขาวยังรับสารภาพอีกว่า ถึงนาทีนี้แล้วรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่ตนทำไป อยากขอขมาแม่และญาติของน้องแก้ม แต่ก็กลัวจะถูกทำร้าย จึงอยากฝากเตือนทุกคนว่า อย่าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพราะจะทำให้ขาดสติ ทำผิดพลาดอย่างตนเอง
ภายหลังเจ้าหน้าที่ใช้เวลาทำแผนราว 45 นาที จึงเสร็จสิ้นด้วยเหตุการณ์ปกติ ไร้เงาญาติของผู้ตายและชาวบ้านแต่อย่างใด ก่อนนำตัวผู้ต้องหาไปสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อส่งฟ้องศาลตัดสินคดี

เร่งสรุปสำนวนส่งฟ้องใน 7 วัน
ด้าน พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์   กล่าวว่า คดีนี้ผู้ต้องหายอมรับสารภาพแล้วและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.เอก อังสะนานันท์ รอง ผบ.ตร. ให้เร่งสรุปสำนวนคดีและส่งฟ้องศาลภายใน 7 วัน โดยจะนำตัวผู้ต้องหาฝากขังที่ศาลจังหวัดหัวหินในวันพรุ่งนี้ (10 ก.ค.) เนื่องจากควบคุมตัวครบ 48 ชั่วโมงแล้ว เพื่อให้สาลตัดสินว่าผู้ที่กระทำผิดควรจะต้องรับโทษอย่างไร ซึ่งโทษสูงสุดของคดีนี้คือประหารชีวิต สำหรับความกังวลใจของครอบครัวน้องแก้มที่เชื่อว่าผู้ที่ก่อเหตุไม่ใช่นายวันชัยเพียงลำพัง แต่อาจจะมีผู้ต้องก่อเหตุอีก 3 รายนั้น ในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานที่ชี้ไปยังบุคคลอื่น

มอบแท็บเล็ตน้องแก้มให้ตำรวจ
ต่อมาเมื่อเวลา 15:00 น. พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าชุดทีมสืบสอบคลี่คลายคดีการหายตัวไปของเด็กหญิงกชกร หรือน้องแก้ม ได้เดินทางมาที่ บก.รฟ. เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดยกล่าวว่า ในชั้นนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อมัดตัวคนผิด ต่อให้ผู้ต้องหาปฏิเสธในชั้นศาล ศาลก็ต้องเเชื่อมั่น 100% ว่าจากหลักฐานที่ตำรวจมีจะระบุได้ว่าเขาเป็นผู้กระทำความผิด โดยมีการดึว พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผกก.กก.ดส. มาร่วมทำงาน เนื่องจากเป็นหน้างานที่รับผิดชอบอยู่แล้ว รวมถึงพ.ต.อ.คึกฤทธิ์ พิทักษ์จำนงค์ ผกก.กองอุทธรณ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของผู้ตาย ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจของ พ.ต.อ.นภันต์วุฒิอีกด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ทางเพื่อนของนายวันชัยได้เดินทางมาพบ ร.ต.ท.ยุทธภัณฑ์ คำแก้ว พนักงานสอบสวน สน.นพวงศ์ เพื่อนำแท็บเล็ตมามอบให้ โดยแท็บเล็ตดังกล่าวเป็นของน้องแก้มที่หายไปในวันเกิดเหตุ และเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ทางพนักงานสอบสวน สภ.ปราณบุรี ได้เดินทางมารับแท็บเล็ตเพื่อส่งพิสูจน์หาความเชื่อมโยงของคดีต่อไป

เผยสืบจับจากมือถือเหยื่อ
ส่วนที่กองกำลังตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยถึงแนวทางการติดตามจับกุมนายวันชัย แสงขาว ผู้ต้องหาฆ่าข่มขืนน้องแก้มว่า หลังจากญาติมาแจ้งความก็เริ่มซักถามถึงรายละเอียดในการเดินทาง รวมทั้งทรัพย์สินของน้องว่ามีอะไรบ้าง เมื่อทราบว่าโทรศัพท์ไอโฟน 5 เอสของผู้ตายหายไป จึงทำการตรวจสอบทางเทคนิคจนพบว่าไปอยู่ที่ร้านโทรศัพท์แห่งหนึ่งย่านศรีย่าน จึงเชิญตัวเจ้าของร้านมาสอบสวน ทราบว่านายวันชัยเป็นผู้นำโทรศัพท์มือถือของน้องแก้มมาขายให้ในราคา 1,800 บาท จึงให้ พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ นำตัวผู้ต้องหามาสอบสวน โดยเบื้องต้นนายวันชัยอ้างว่าเก็บโทรศัพท์ได้บนรถไฟ จึงนำไปขายและไม่รู้เรื่องที่น้องแก้มหายตัวไปบนรถไฟ ต้องใช้เวลาในการสอบเค้นระยะหนึ่ง พร้อมนำหลักฐานมาเปิดเผย นายวันชัยจึงยอมสารภาพ

ดส.ตรวจค้นบ้านผู้ต้องหา
เมื่อเวลา 11:00 น. พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผกก.กก.ดส. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สาโรจน์ จอกโคกสูง สว.งานสืบสวนตรวจตรา กก.ดส. พ.ต.ต.ยศนันท์ ฤกษนันทน์ สว.งานกิจกรรมเด็กเยาวชน กก.ดส. และเจ้าหน้าที่กองกำกับการเด็กและสตรี สนธิกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักนายวันชัย แสงขาว ภายในซอยสามเสน 28 แยกองครักษ์ 15 เลขที่ 491 แขวงนครชัยศรี เขตดุสิต กทม. ซึ่งเป็นบ้านพักคนงานมีจำนวน 4 ห้องพัก เนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา ผลปรากฏพบของกลางเป็นอุปกรณ์เสพยาบ้า ไอซ์ กัญชา โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง โทรศัพท์ไอโฟน รุ่น 4 เอส 1 เครื่อง สายชาร์จโทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟน 2 อันและเสื้อผ้ารองเท้าของนายเกม เจ้าหน้าที่จึงเก็บไปตรวจสอบ

น้องไม่เชื่อพี่ลงมือคนเดียว
สอบสวนนายเอก (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี น้องชายนายเกมให้การว่า นายเกมเป็นคนเก็บกด มีโลกส่วนตัวสูง ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว เนื่องจากมักจะถูกพ่อแม่ต่อว่าเป็นประจำเพราะนายเกมไม่ค่อยทำงาน เวลาทะเลาะกับแฟนสาวก็จะลงมือทำร้ายร่างกายอยู่บ่อยครั้ง จนเบื่อที่จะเข้าไปห้ามปราม ทั้งนี้คาดว่าสาเหตุที่พี่ชายก่อคดีนี้ขึ้น น่าจะเกิดจากอารมณ์เก็บกดเรื่องราวต่างๆ มาเยอะ อย่างไรก็ตามตนไม่เชื่อว่าพี่ชายเป็นคนลงมือทำเพียงคนเดียว

หวั่นถูกเพื่อนนักโทษจัดหนัก
นายสุทิน ชิตชอบ ผู้บัญชาการเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาระดับสูง ให้เตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยนายวันชัย หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.ปราณบุรี นำตัวไปขออำนาจศาลจังหวัดเพื่อพิจารณาในการฝากขัง ซึ่งคาดว่าจะนำตัวมาคุมขังที่เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในวันที่ 10 ก.ค.นี้ ล่าสุดได้ประชุมเพื่อวางแผนในการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีการกั้นแนวเขตเพื่อให้นายวันชัยขังรวมกับผู้ต้องหา ซึ่งเป็นผู้สูงอายุและผู้ต้องขังที่มีอัตราโทษน้อย พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้มีการรุมทำร้ายอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ยอมรับว่าหนักใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากในเรือนจำมีนักโทษ 2,200 คน แต่มีกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอในการปฏิบัติงาน

"ขณะนี้กระแสภายในเรือนจำผู้ต้องขังจำนวนมากให้ความสนใจและรอผู้ต้องหาคดีนี้เข้ามาคุมขังเพื่อรับน้องใหม่ เนื่องจากถูกตั้งข้อหาข่มขืนและฆ่าเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ ซึ่งอาจจะทำให้ระบบการรักษาความปลอดภัยมีปัญหาเกิดขึ้นได้ หากมีการลุกฮือของผู้ต้องขังจำนวนมากเพื่อรุมทำร้าย" นายสุทิน กล่าว

ไร้เงาญาติเยี่ยม"ไอ้โหด
ส่วน พ.ต.อ.ปรีชา กลัดสวัสดิ์ รอง ผบก.ภว.จว.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้ โดยมีคำสั่งแต่งตั้งพนักงานสอบสวน จำนวน 13 นาย เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในคดีฆ่าข่มขืนกระทำชำเรา อำพรางซ่อนเร้นศพ และคดียาเสพติด ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปสำนวนได้ เนื่องจากต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์จากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน สำหรับการสอบสวนและการนำตัวไปทำแผนได้ มีทนายอาสาของผู้ต้องหาเข้าร่วม เนื่องจากเป็นคดีใหญ่ที่มีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต สำหรับผู้ต้องหารายนี้ยังไม่มีญาติเดินทางมาเยี่ยม หลังจากนำตัวมาคุมขังที่ สภ.ปราณบุรี โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอย่างใกล้ชิด และผู้ต้องหาไม่มีอาการเครียด

จี้คสช.ไล่"ประภัสร์"พ้นรฟท.
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่จะมีการรวมตัวของกลุ่มโซเชียลมีเดีย เพื่อเรียกร้องให้มีการประหารชีวิตคนร้ายที่ทำร้ายน้องแก้มจนเสียชีวิตว่า ต้องดูลักษณะการรวมตัว เพราะการรวมตัวในระยะนี้อยู่ในช่วงการประกาศกฎอัยการศึก ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมทางการเมือง หรือการรวมตัวใดๆ ก็ตามอาจขัดต่อกฎอัยการศึก แต่ทั้งนี้จะพิจารณาความเหมาะสม ตนอยากเสนอให้กลุ่มดังกล่าวส่งตัวแทนมายื่นหนังสือให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. ซึ่งถือว่าเป็นช่องทางที่เหมาะสมที่สุดในขณะนี้ ส่วนกรณีที่มีการเรียกร้องให้ นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ลาออกจากตำแหน่งนั้น คสช.ทราบว่าคดีดังกล่าวอยู่ในความสนใจของประชาชน และส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง แต่ทั้งนี้ต้องไปพิจารณากันในรายละเอียดกันอีกครั้ง

สภาทนายฯช่วยฟ้องแพ่ง
นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ในทางแพ่งถือว่าเป็นคดีคุ้มครองผู้บริโภค  เพราะผู้เสียหายได้รับความเสีบหายอันเนื่องมาจากการให้บริการขนส่งสาธารณะ เมื่อเกิดเหตุภยันตรายขึ้นบนรถไฟ ดังนั้นการรถไฟฯต้องรับผิด โดยทางสภาทนายความจะรับเป็นทนายความช่วยเหลือทางคดีความให้ไม่มีค่าใช้จ่าย จะฟ้องศาลแพ่งเรียกค่าเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ค่าปลงสพ ค่าขาดไร้อุปการะ และค่าเสียหายทางจิตใจพร้อมดอกเบี้ยตั้งแต่วันเกิดเหตุจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ

แนะนำทำประชามติแก้กม.
นอกจากนี้นายกสภาทนายความ เปิดเผยถึงกรณีกระแสทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก เรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายความผิดข่มขืนเท่ากับประหารชีวิตว่า การแก้กฎหมายให้ผู้กระทำความผิดข่มชืนได้รับโทษประหารชีวิตอย่างเดียว ก็ต้องพิจารณาว่าสังคมต้องการแบบนี้จริงหรือไม่ หากเห็นว่าบทลงโทษผู้กระทำความผิดข้อหาช่มชืนปัจจุบันมีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปียังไม่เพียงพอ ก็ต้องจัดทำประชามติขอความเห็นสังคม ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการลงโทษต้องให้เหมาะสมกับพฤติการณ์ความผิด กรณีถูกข่มขืนเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงมาก แต่ต้องถามว่าสมควรเอาชีวิตผู้กระทำความผิดหรือไม่ ถ้าต้องการเอาชีวิตก็สามารถแก้กฎหมายได้ แต่สังคมจะเอาด้วยหรือไม่ ตนเห็นว่าเราควรจะมีสติและพยายามทำคดีให้ดีที่สุด เมื่อจำเลยจำนนต่อหลักฐานศาลก็จะลงโทษเต็มที่ ซึ่งกฎหมายของเราก็เหมาะสมและได้มาตรฐานโลก แต่กระบวนการรับโทษต้องรวดเร็ว โปร่งใส และรัดกุม

ชี้แก้โทษปัญหาอาจรุนแรงขึ้น
นายเดชอุดม กล่าวอีกว่า หากมองอีกมุมหนึ่งการแก้โทษให้มีเพียงประหารชีวิตอย่างเดียว อาจเป็นการเพิ่มความรุนแรงขึ้นก็ได้ คนร้ายที่ข่มขืนอาจตัดสินใจฆ่าเหยื่อและทำลายหลักฐาน ทำให้ไม่มีพยานหลักฐานสำคัญในคดี เหมือนกับการเพิ่มโทษประหารชีวิตแก่ผู้ค้ายา เพื่อป้องกันและลดการจำหน่ายยาเสพติด จะเห็นว่าจากเดิมจับผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาเสพติดที่จำหน่ายได้เพียง 100 เม็ด แต่ปัจจุบันผู้ค้ายามียาเสพติดไว้จำหน่ายเป็นล้านเม็ด เพราะมีโทษประหารเท่ากัน ดังนั้นการเพิ่มโทษต้องคิดถึงผลย้อนกลับด้วย

กม.เดิมฆ่าข่มขืน-ประหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามประมวลกฎหมายอาญาที่เกี่ยวกับความผิดทางเพศ มาตรา 276 ระบุว่า ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้นั้นไม่สามารถขัดขืนได้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี และปรับตั้งแต่ 8,000-40,000 บาท โดยที่มาตรา 277 ระบุว่า ผู้ใดกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งไม่ใช่ภรรยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี และปรับตั้งแต่ 8,000-40,000 บาท และถ้าเป็นการกระทำความผิดต่อเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 7-20 ปี และปรับตั้งแต่ 14,000-40,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต ขณะที่มาตรา 277 ทวิ บัญญัติไว้ด้วยว่า ถ้าการกระทำผิด ตามมาตรา 276 หรือมาตรา 277 เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิตด้วย

กรมคุ้มครองสิทธิมอบเงินช่วย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มารดาพร้อมครอบครัวของน้องแก้ม ได้เดินทางเข้าไปมอบดอกไม้ขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจรถไฟ ตำรวจภูธรภาค 7 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้เร่งรัดจับกุมผู้ต้องหาคดีดังกล่าว โดยมีพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.(ปป.) เป็นตัวแทนรับมอบ จากนั้นพ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม มอบเงินสดจำนวน 1 แสนบาท ให้กับมารดาของน้องแก้ม ซึ่งการมอบในครั้งนี้ เป็นไปตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 (ประเด็นนี้ได้มีการตั้งกระทู้ใน pantip.com แฉว่าเป็นการจัดฉากของตำรวจ)

จ่อแก้รับแจ้งความคนหาย
พล.ต.อ.เอก กล่าวว่าตนยืนยันว่าหลังเกิดเหตุดังกล่าวตำรวจได้รับแจ้ง และดำเนินการช่วยเหลือการค้นหาร่างน้องแก้มอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งเตรียมปรับแก้ข้อกำหนดในการรับแจ้งความคนหาย ที่จากเดิมจะต้องรอให้ครบ 24 ชั่วโมงนั้นถึงจะสามารถแจ้งความได้ โดยจะเร่งปรับเปลี่ยนให้แจ้งความได้ทันที และกำชับพนักงานสอบสวนที่รับแจ้งให้รับดำเนินการอย่างเร่งด่วน ส่วนการปรับแก้การพิจารณาอัตราโทษในคดีข่มขืนกระทำชำเรา จำเป็นต้องให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งตำรวจเป็นเพียงผู้บังคับใช้กฎหมาย และรวบรวมพยานหลักฐานในการส่งสำนวนต่อพนักงานอัยการเท่านั้น

เคือง ตร.ไม่ช่วยค้นหา
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ขณะที่ญาติผู้ใหญ่ของน้องแก้มมอบดอกไม้พร้อมกล่าวแสดงความขอบคุณตำรวจนั้น บรรดาญาติอีกส่วนหนึ่งได้แสดงความไม่พอใจพร้อมเดินออกจากห้องรับรองทันที ต่อมาเมื่อมีการถ่ายภาพมอบดอกไม้และรับเงินช่วยเหลือ พี่สาวน้องแก้มได้แสดงอาการเบือนหน้าหนี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีกระแสข่าวจากกลุ่มญาติของน้องแก้ม แสดงความรู้สึกไม่พอใจผ่านโซเชียลมีเดียถึงการทำงานของตำรวจที่ไม่ช่วยดำเนินการในการค้นหาร่างของน้องแก้มอย่างเต็มที่แต่แรก ซึ่งคืนวันที่พบร่างของน้องแก้มเป็นเพียงญาติและเจ้าหน้าที่มูลนิธิที่เป็นผู้ช่วยกันค้นหาเท่านั้น

บี้ผู้บริหารรถไฟลาออก
นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ถึงกรณีน้องแก้มถูกข่มขืนและฆ่าบนรถไฟ ว่าปัจจุบันอยู่ระหว่างการประกาศใช้กฎอัยการศึก ทหารมีอำนาจเต็ม ในการบริหารปกครองประเทศให้สงบเรียบร้อย สามารถกำหนดและใช้กระบวนการพิจารณาคดีรวดเร็วได้ ปล้วให้กระบวนการศาลพิจารณาและตัดสินคดีโดยเร็ว คดีข่มขืนแล้วฆ่าแม้ผู้ถูกกล่าวหาจะรับสารภาพ แต่หากกระทำความผิดจริงและจำนนต่อหลักฐานก็มีโทษสถานเดียวคือประหารชีวิต เรื่องที่เกิดขึ้นผู้บริหารรถไฟควรลาออก เพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นความรับผิดชอบที่ไม่ควรต้องให้มีใครบอก

ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เล่าเรื่องผี เรื่องสยองขวัญ เรื่องผี
ฆาตกรโหด ฆาตกรต่อเนื่อง ฆาตกรโรคจิต
ผีนานาชาติ ผีปีศาจ พระธุดงค์เจอผี
โจนเบเน็ต คดีเพชรซาอุ เดวิด เบอร์โควิด
ซอว์นี่ บีน ฆาตกรโหดเมืองไทย อลิซาเบธ บาโธรี่
ฆาตกรฆ่าคนมากที่สุด คดีกักขังหน่วงเหนี่ยว คดีวิตถาร
คดีพิศวาสฆาตกรรม ฆาตกรเด็ก คดีฆ่าหั่นศพ
ยโศโฆษาฆาต แจ๊คเดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องอินเดีย
เบลล์ กันเนส ยูนาบอมเบอร์ เอล ชาโป
ผีภาคเหนือ ผีภาคอีสาน ผีญี่ปุ่น
เมืองอาถรรพ์ เรื่องเล่าเดอะช็อค มนุษย์กินคน
เรื่องย่อเพื่อเธอ เรื่องย่อสาวน้อยร้อยล้าน เรื่องย่อรักเร่
เรื่องย่อตามรักคืนใจ เรื่องย่อพลับพลึงสีชมพู เรื่องย่อไฟล้างไฟ
เรื่องย่อรัตนาวดี เรื่องย่อคู่ปรับฉบับหัวใจ เรื่องย่อห้องหุ่น
เรื่องย่อรอยรักแรงแค้น ขอเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชื่นใจ เรื่องย่อเพลิงตะวัน
เรื่องย่อนางร้ายที่รัก เพื่อนรักเพื่อนริษยา เรื่องย่อตะวันตัดบูรพา
เรื่องย่อเลื่อมสลับลาย นางสาวทองสร้อยคุณแจ๋ว เรื่องย่อใต้เงาจันทร์
เรื่องย่อละครเจ้านาง เรื่องย่อผู้กองยอดรัก เรื่องย่อสุดแค้นแสนรัก
เรื่องย่อเพลงรักเพลงลำ เรื่องย่อละครเพื่อนแพง เรื่องย่อเลือดมังกร
นิทานนางกากี นิทานนางพิกุลทอง นิทานยอพระกลิ่น
นิทานกระต่ายสามขา นิทานกระเช้าสีดา นิทานเคราะห์ของตาจัน
กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ทำไมงูเหลือมไม่มีพิษ ทำไมเต่ามีกระดอง
ทำไมจระเข้จึงไม่มีลิ้น ทำไมหมากับแมวไม่ถูกกัน ทำไมนกกะปูดตาแดง
นิทานธรรมชาดก เรื่องย่อละคร ดูดวงทำนายฝัน

บทความเมนูอาหาร บทความภัยอันตราย บทความสุขภาพ บทความวิทยาศาสตร์ บทความสยองขวัญ บทความชีวิตสัตว์ บทความประวัติศาสตร์ บทความจัดอันดับ สารบัญบทความ

ปริศนาฆาตกรรม ใครฆ่านางงามเด็กแห่งโคโลราโด้

ช่วงวันคริสต์มาส 26 ธันวาคม 1996 ในรัฐโคโลราโด้ของสหรัฐ เสียงโทรศัพท์ที่สถานีตำรวจดังขึ้นเมื่อเวลา 05:45 น. มีเสียงผู้หญิงร้องไห้สะอึกสะอื้นมาตามสาย จับใจความได้ว่าลูกสาวของเธอถูกลักพาตัวไป เมื่อตำรวจไปถึงบ้านของจอห์น แรมซี่ย์ ก็พบแพตซี่และจอห์น สองสามีภรรยากำลังอยู่ในสภาพตื่นตระหนกอย่างแรง ในมือถือจดหมายเรียกค่าไถ่แผ่นหนึ่งไว้ด้วย

คดีโจนเบนท์ แรมซี่ย์

แพตซี่เล่าว่าโจนเบนท์ ลูกสาววัยเพียง 6 ขวบ เจ้าของตำแหน่งนางงามเด็กประจำรัฐโคโลราโด้ของพวกเขาหายตัวไปจากห้องนอน และเธอพบจดหมายเรียกค่าไถ่ลูกถูกเสียบไว้ที่บันไดบ้านขั้นสุดท้าย มีใจความว่า



"เราคือกลุ่มคนที่เรียกว่าเป็นตัวแทนของชาวต่างด้าว ตอนนี้เราได้จับลูกสาวคุณไว้แล้ว เธอปลอดภัย ยังไม่ถูกทำร้าย และถ้าคุณยังอยากให้เธอมีชีวิตอยู่จนถึงปี 1997 คุณต้องทำตามคำสั่งเรา คุณต้องถอนเงินออกมา 118,000 ดอลลาร์ แบ่งเป็นธนบัตรใบละ 100 จำนวน 100,000 ดอลลาร์ ส่วนที่เหลือ 18,000 นั้นให้เป็นใบละ 20 ดอลลาร์ทั้งหมด พอกลับถึงบ้านคุณต้องเอาเงินใส่ถุงกระดาษสีน้ำตาล เราจะโทรหาคุณระหว่างเวลา 8:00 - 10:00 น. พรุ่งนี้ เพื่อบอกว่าให้เอาเงินไปไว้ที่ไหน การส่งเงินจะทำให้คุณเหนื่อยจนหมดแรง เพราะฉะนั้นจงพักผ่อนให้เต็มที่ ถ้าเราพบว่าคุณถอนเงินมาได้เร็ว เราจะโทรหาคุณเร็วขึ้น คุณจะได้ส่งเงินไปให้เราเร็วๆ และคุณจะได้รับลูกสาวของคุณกลับไป

คดีโจนเบนท์ แรมซี่ย์

ถ้ามีการบิดพลิ้ว เราจะสังหารลูกสาวของคุณทันที มีสุภาพบุรุษสองคนดูแลลูกสาวคุณอยู่ พวกเขาไม่ชอบคุณนัก ฉะนั้นอย่าทำอะไรที่เป็นการยั่วยุหรือท้าทาย การบอกเรื่องนี้กับใครๆไม่ว่าจะเป็นเอฟบีไอหรือตำรวจ จะทำให้ลูกคุณโดนตัดหัว ถ้าเราจับได้ว่าคุณพูดกับสุนัขรับใช้พวกนั้น...ลูกคุณตาย ถ้าคุณบอกเรื่องนี้ให้ทางธนาคารรู้...เธอตาย ถ้าเงินถูกทำตำหนิหรือเครื่องหมายใดๆ...เธอตาย คุณจะเล่นลูกไม้กับเราก็ได้ แต่เตือนไว้ก่อนว่าเราเป็นพวกที่คุ้นเคยกับเล่ห์กลทางกฎหมายและเทคนิคต่างๆ ดี หากคุณตบตาเรา ลูกสาวคุณมีโอกาสตาย 99% ถ้าคุณทำตามที่เราสั่งแต่โดยดี ลูกสาวคุณมีโอกาสรอด 100% อย่าพยายามอวดฉลาดเลยจอห์น อย่าคิดว่าการฆ่าคนเป็นเรื่องยาก จงอย่าประเมินค่าเราต่ำไปนัก จงใช้สามัญสำนึกแบบชาวใต้ที่ดีของพวกคุณ ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณแล้วจอห์น    จากกลุ่ม S.B.T.C."

คดีโจนเบนท์ แรมซี่ย์

หลังจากอ่านจดหมายจบ ตำรวจก็รีบติดตั้งเครื่องดักฟังโทรศัพท์เพื่อจับที่อยู่ของคนร้ายโดยเร่งด่วน ส่วนจอห์นก็รีบไปเบิกเงินจากธนาคารกลับมาตามที่คนร้ายสั่ง หลังจากนั้นทุกคนก็นั่งจับเจ่ารอโทรศัพท์อย่างใจจดใจจ่อ พร้อมกับปลอบใจแพตซี่ที่นั่งร้องไห้ตลอดเวลาไปด้วย ทว่ารอแล้วรอเล่าจนเวลาล่วงไปบ่ายโมง ก็ไม่ปรากฏว่ามีโทรศัพท์จากใครโทรมาแม้แต่กริ๊งเดียว จนกระทั่งเวลาบ่ายโมง จอห์นซึ่งรอจนเบื่อก็ชวนฟลีท ไวท์ เพื่อนสนิทของครอบครัวออกเดินสำรวจรอบๆ บ้าน เพื่อดูว่ามีข้าวของอะไรถูกขโมยบ้างหรือเปล่า

ทั้งคู่สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างที่ประตูทางลงห้องใต้ดิน จอห์นและฟลีทจึงช่วยกันดันประตูห้องใหญ่หนสฝืดนั้นออก เมื่อเข้าไปข้างในเขาก็พบร่างเล็กๆ ของหนูน้อยโจนเบนท์อยู่ที่นั่น เธอนอนหงายมีผ้าห่มคลุมทับชุดนอน ที่ศรีษะมีร่องรอยถูกทำร้ายเป็นแผลใหญ่ ที่ปากถูกเทปปิดไว้แน่น มีสายเชือกสีขาวรัดแน่นอยู่รอบลำคอจนเชือกจมลึกเข้าไปในเนื้อที่ด้านหลังมีไม้เล็กๆ ขันชะเนาะเอาไว้ ส่วนข้อมือทั้งสองข้างก็ถูกมัดด้วยเชือกชนิดเดียวกัน ร่างของเด็กน้อยแข็งทื่อเขียวคล้ำและมีกลิ่นเหม็นเน่าจางๆ บ่งบอกว่าเธอต้องเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อยหนึ่งวัน

ทันทีที่เห็นจอห์นก็รีบเข้าไปคว้าตัวลูกขึ้นมา แต่เมื่อพบว่าเธอตายสนิท เขาจึงอุ้มร่างไร้วิญญาณนั้นกลับเข้าไปในห้องโถง พลางร้องเรียกแพตซี่ไปตลอดทาง การพบศพเด็กหญิงทำให้สถานการณ์พลิกผันไปในทันที ตำรวจพุ่งเป้าความสงสัยทั้งหมดไปที่สองผัวเมียจอห์นและแพตซี่ เพราะตามปกติแล้วคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในบ้านโดยไม่มีหลักฐานว่ามีผู้บุกรุกบุกเข้ามา ตำรวจต้องสงสัยสมาชิกในครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรกซึ่งในคดีนี้ก็มีเหตุให้น่าสงสัยหลายประการอีกด้วย ข้อแรกตำรวจพบรอยเท้าย่ำหิมะออกไปนอกบ้าน และมีรอยรองเท้าปรากฏอยู่ห้องใต้ดินที่พบศพ ซึ่งแสดงว่ามีคนปีนออกจากห้องใต้ดินของบ้านนี้ แต่กลับไม่มีรอยเท้าที่แสดงว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาจากภายนอกเลย

ข้อที่สอง ในคืนนั้นมีเพื่อนบ้านหลายคนได้ยินเสียงร้องหลายครั้งดังมาจากบ้านแรมซี่ย์ในกลางดึก และเห็นแสงไฟเปิดสว่าง ซึ่งน่าแปลกที่สองผัวเมียแรมซี่ย์เองกลับหลับปุ๋ย ไม่มีใครได้ยินเสียงดังกล่าวแม้แต่น้อย นอกจากนี้ตำรวจยังพบว่ากระดาษที่ใช้เขียนจดหมายเรียกค่าไถ่ก็เป็นกระดาษที่ฉีกจากสมุดฉีกในบ้านนี่เอง แม้แต่ปากกาที่ใช้เขียนจดหมายก็ถูกพบภายในบ้านเช่นกัน

ที่น่าแปลกยิ่งไปกว่านั้นต้องยกให้ปฏิกิริยาของจอห์นขณะพบศพ จากประสบการณ์ของตำรวจซึ่งเห็นคนตายมามาก ทันทีที่พาอแม่เห็นร่างของลูกน้อยนอนตายอยู่ พวกเขาจะต้องเรียกตำรวจลงไปดูสพเป็นอันดับแรก แต่จอห์นกลับอุ้มร่างของโจนเบนท์ขึ้นมาซะเอง เหมือนกับจงใจทำลายสภาพที่เกิดเหตุ และหลังจากส่งศพไปสถาบันนิติเวชแล้ว จอห์นก็โทรศัพท์บอกข่าวกับลูกอีกสองคนที่ไปพักผ่อนอยู่ต่างเมือง และกำลังเดินทางกลับมาเพราะข่าวน้องสาวถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ แต่จอห์นบอกว่าโจนเบนท์ตายแล้วด้วยคำพูดที่เรียบเฉยราวกับพูดถึงเรื่องทั่วไป ไม่ใช่ข่าวการตายของลูกสาวตัวเองอย่างไรอย่างนั้น

คดีโจนเบนท์ แรมซี่ย์

ข้อสงสัยของตำรวจยังไม่หมดเพียงเท่านี้ พวกเขาพบว่าเงินจำนวน 118,000 ดอลลาร์ในจดหมายเรียกค่าไถ่ มีจำนวนเท่ากับเงินโบนัสวันคริสต์มาสที่จอห์นเพิ่งได้รับพอดิบพอดี และอักษรย่อ S.B.T.C. ก็น่าจะมาจาก Subic Bay Training Centre ซึ่งมันเป็นหน่วยทหารของจอห์นระหว่างที่เขาไปประจำการอยู่ในกองทัพเรือเมื่อปี 1960 ด้วย คนร้ายจึงต้องรู้จักจอห์นชนิดเจาะลึกราวกับเป็นคนๆ เดียวกัน ถึงได้รู้รายละเอียดส่วนตัวของเขามากมายปานนี้

จากหลักฐานทั้งหมดทั้งมวลทำให้ตำรวจได้ข้อสรุปว่าฆาตกรที่สังหารหนูน้อยโจนเบนท์นั้นไม่น่าจะเป็นคนแปลกหน้าที่ไหน แต่น่าจะเป็นจอห์น พ่อของเธอนั่นเอง และจอห์นย่อมไม่อาจกลบเกลื่อนร่องรอยทุกอย่างได้ ถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากแพตซี่ร่วมด้วย แต่คนรวยอย่างจอห์นไม่ใช่หมูที่จะให้ตำรวจเคี้ยวได้ง่ายๆ พอรู้ว่าคุกตารางอาจลอยมาถึงตัว เขาก็รีบจ้างทนายฉลาดเป็นกรดมาสองคน และสองทนายมือทองก็ทำงานได้คุ้มค่าจ้างด้วยการร้องต่อศาลขอประกันตัวจอห์นได้อย่างง่ายดายราวกับพลิกมือ ตำรวจจึงต้องฝากความหวังในการจับฆาตกรไว้ที่ผลการชันสูตรศพหนูน้อยโจนเบนท์เพียงอย่างเดียว

คดีโจนเบนท์ แรมซี่ย์

จากการชันสูตรพบว่าแม้จะมีวัยเพียง 6 ขวบ แต่โจนเบนท์กลับถูกล่วงละเมิดทางเพศมาอย่างยาวนาน เยื่อพรหมจารีของเธอมีรอยขาดขนาด 1 ซม. x 1 ซม.อยู่ด้วย บริเวณช่องคลอดก็บวมเป่งและมีคราบเลือดเกรอะกรัง ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตของเธอนั้นเกิดจากการถูกรัดคอ คอของเธอหัก ที่กะโหลกศรีษะไม่มีรอยฉีกขาด แต่มีรอบกระแทกอย่างแรงคล้ายถูกทุบด้วยไฟฉายหรือไม้กอล์ฟ ที่แผ่นหลังและขาทั้งสองข้างมีรอยถลอกคล้ายถูกลากมาจากที่ใดที่หนึ่งก่อนจะนำมาทิ้งไว้ในห้องใต้ดิน

คดีโจนเบนท์ แรมซี่ย์

ผลชันสูตรยืนยันความจริงอันสยดสยองว่า ขณะที่ศรีษะถูกกระแทกอย่างแรงจนบาดเจ็บสาหัสนั้น โจนเบนท์ยังมีชีวิตอยู่ เธอถูกฟาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายครั้ง แต่ฆาตกรก็กลัวว่าเธอจะไม่ตายจึงรัดคอเธอแล้วใช้ไม้ขันชะเนาะอย่างแน่นหนา เพื่อให้มั่นใจว่าหนูน้อยจะต้องขาดใจตายอย่างแน่นอน

เป็นการฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมเลือดเย็นเหลือเกิน โดยเฉพาะเมื่อเหยื่อเป็นเพียงเด็กหญิงแสนสวยวัยเพียง 6 ขวบเท่านั้น

ถึงแม้กฎหมายจะเอาผิดครอบครัวแรมซี่ย์ไม่ได้ แต่ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถลอยนวลไปได้อย่างสบายใจ เพราะกระแสสังคมที่รุนแรงไม่แพ้บทลงโทษทางกฎหมาย ที่ตามเล่นงานจนสมาชิกในครอบครัวทุกคนไม่มีที่ยืนในเมืองโบลเดอร์ จอห์นและแพตซี่จึงแก้ลำด้วยการไปออกรายการโทรทัศน์เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง

"ผมไม่ได้ฆ่าโจนเบนท์ลูกสาวผม มีคนพูดใส่ร้ายว่าเธอถูกละเมิดทางเพศ แต่ผมพูดได้เลยว่านี่เป็นการหมิ่นประมาทครอบครัวผมมาก พวกคุณทุกคนคิดผิดทั้งหมด" นอกจากนี้จอห์นยังตั้งเงินรางวัลให้ใครก็ตามที่สามารถให้เบาะแสคนร้ายได้ด้วยวงเงินสูงถึงหนึ่งแสนดอลลาร์ (ประมาณสามสิบล้านบาท) อีกด้วย

แต่แทนที่การลงทุนไปออกทีวีจะช่วยให้เสียงนินทาที่ถาโถมใส่จอห์นและแพตซี่เบาบางลง กลับกลายเป็นว่ายิ่งพวกแรมซี่ย์เคลื่อนไหว ชาวบ้านก็ยิ่งมีเรื่องใหม่ๆ มานินทากันสนุกปากจนจอห์นต้องหอบลูกหอบเมียหนีไปอยู่รัฐแอตแลนตาเพื่อซื้อความสบายหู เรื่องของครอบครัวแรมซี่ย์จึงเริ่มหายไปจากความสนใจของสังคม อีกหนึ่งปีต่อมาก็เกิดการโอละพ่อครั้งใหญ่ เมื่อห้องแล็บตรวจสอบสิ่งที่เก็บมาจากร่างของโจนเบนท์แล้วพบว่ามันไม่ใช่เชื้ออสุจิ หรือก็คือเด็กน้อยไม่ได้ถูกล่วงละเมิดทางเพศอย่างที่ตำรวจฟันธง หลักฐานทางนิติเวชที่ค้านสายตาประชาชนชิ้นนี้ทำเอาตำรวจผู้รับผิดชอบคดีลุกขึ้นมาออกงิ้วกันเป็นทิวแถว

นายตำรวจสตีฟ โธมัส ซึ่งมั่นใจว่าจอห์นและคนในครอบครัวคือกุญแจสำคัญในการตายของโจนเบนท์ ประกาศลาออกจากราชการทันที ก่อนไปสตีฟยังได้ทิ้งเชื้อไฟไว้ด้วยว่าอัยการชอบเอาข้อมูลคดีซึ่งควรจะเป็นความลับทางราชการไปปรึกษากับจอห์น กระพือให้ข่าวลือที่ว่าจอห์นแอบให้เงินใต้โต๊ะกับอัยการบางคนยิ่งดูจะเป็นความจริงมากขึ้น และแล้วอีก 13 เดือนต่อมาในวันที่ 13 ตุลาคม 1999 คดีฆาตกรรมนางงามเด็กแห่งรัฐโคโลราโด้ก็มาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อคณะลูกขุนพิจารณาคดีประกาศว่าครอบครัวแรมซี่ย์ทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ เนื่องจาก "เราไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะแจ้งข้อหาจับกุมตัวทุกคนที่ได้ถูกไต่สวนไปแล้ว" อัยการประจำเมืองโบลเดอร์แถลงกับนักข่าว

คดีโจนเบนท์ แรมซี่ย์

ผลการพิจารณาคดีนี้กลายเป็นรอยด่างอีกหน้าหนึ่งของวงการยุติธรรมของสหรัฐ เสียงค้านที่ดังระงมไปทั่วประเทศบีบให้จอห์นและแพตซี่ต้องยอมเข้าเครื่องจับเท็จเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์อีกครั้งเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2000 แต่เมื่อการพิสูจน์ยังทำโดยทีมอัยการเจ้าเก่าหน้าเดิม จึงไม่มีชาวบ้านคนไหนยอมเชื่อผลลัพธ์ที่ออกมาอยู่นั่นเอง ครอบครัวแรมซี่ย์จึงปีกหลักอยู่ที่แอตแลนต้า โดยไม่ยอมกลับไปเหยียบเมืองโบลเดอร์อีกเลย

ชีวิตใหม่ในแอตแลนต้าของจอห์นและครอบครัวควรจะสุขสบายที่สุดเท่าที่อำนาจเงินจะดลบันดาลได้ แต่จะเพราะกรรมยุคนี้ติดจรวดหรืออย่างไรก็สุดจะเดา ไม่นานนักพวกเขาก็ได้รับข่าวร้ายว่ามะเร็งในตัวแพตซี่กลับลุกลามขึ้นมาอีก ซ้ำร้ายคราวนี้เซลล์มะเร็งยังลุกลามไปทั่วถึงระดับที่รักาาไม่ได้ ซึ่งก็หมายความว่าเธอกำลังจะตาย เคราะห์กรรมที่เกิดขึ้นกับเธอไม่เพียงแต่สร้างความทุกข์ใจให้ลูกและสามี แต่ยังส่งผลไปถึงคนที่ติดตามคดีฆาตกรรมหนูน้อยโจนเบนท์ด้วย ทุกคนหวังว่าก่อนตายแพตซี่อาจจะสำนึกบาปและยอมสารภาพความจริงออกมาก็เป็นได้

อย่างไรก็ตามโลกนี้มีเรื่องเหนือความคาดหมายมากมายกว่าที่คิด จู่ๆ ตำรวจก็ได้ข้อมูลใหม่ว่า จอห์น มาร์ค คาร์ ครูชาวอเมริกันวัย 41 ปี ได้เขียนอีเมล์ติดต่อกับศาสตราจารย์คนหนึ่งในรัฐโคโลราโด้ เพื่อศึกษาเรื่องคดีของโจนเบนท์มาตั้งแต่แรกเริ่ม และคาร์ก็สารภาพด้วยว่าเขานี่ล่ะคือฆาตกรที่ทุกคนกำลังตามหาอยู่

คดีโจนเบนท์ แรมซี่ย์
จอห์น มาร์ค คาร์

ประวัติของคาร์สร้างความสับสนให้กับคนที่ปักใจเชื่อว่าหนูน้อยโจนเบนท์ตายด้วยน้ำมือพ่อของเธอไม่น้อย คาร์เกิดที่เมืองแฮมิลตัน รัฐอลาบาม่า หลังจากจบปริญญาตรีเขาก็ทำงานเป็นนายหน้าขายที่ดิน ก่อนจะผันตัวไปเป็นผู้ช่วยครูที่โรงเรียนเล็กๆ ในรัฐอลาบาม่าในปี 1996 ซึ่งเป็นปีที่เกิดคดีฆาตกรรมโจนเบนท์พอดิบพอดี ต่อมาคาร์ถูกเชิญให้ออกหลังจากมีการร้องเรียนหลายครั้งว่าเขาใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมกับเด็กๆ ทว่าชะรอยอาชีพครูคงทำให้คาร์ค้นพบเส้นทางของตัวเอง เพราะหลังจากนั้นเขาก็ไปเรียนต่อในสาขาศิลปะเพื่อจะออกมาเป็นครูเต็มตัว แต่ไม่กี่เดือนต่อมาเขาก็ถูกตำรวจตะครุบตัวในข้อหามีภาพเด็กเปลือยไว้ในความครอบครอง สร้างความอับอายขายหน้าให้ภรรยาของคาร์จนต้องขอหย่า ตอนหนึ่งของคำฟ้องระบุว่าเธอเพิ่งรู้จากโรงเรียนเก่าที่สามีเคยทำงาน ว่าเขามีพฤติกรรมฝักใฝ่เด็กอย่างผิดปกติจนไม่เหมาะกับอาชีพครู

ยิ่งสืบเรื่องราวย้อนหลังไป พ่อแม่ที่เคยให้ลูกเรียนหนังสือกับคาร์คงขนลุกซู่ เนื่องจากครูหนุ่มใหญ่หน้าตาใจดีคนนี้เคยแต่งงานกับเด็กหญิงเควียนตานา ช็อตต์ส ซึ่งมีอายุเพียง 13 ปีมาแล้ว แสดงให้เห้นถึงจิตใจที่นิยมมีเพศสัมพันธ์กับเด็กของเขา แต่คาร์มีโอกาสได้เชยชมเมียรักวัยกระเตาะเพียงปีเดียว ศาลก็ประกาศให้การแต่งงานของเขาเป็นโมฆะตามคำร้องของแม่หนูช็อตต์ส ซึ่งสารภาพว่าเธอต้องหายใจอยู่กับความหวาดกลัวทุกเมื่อเชื่อวัน จนน่ากลัวว่าจะตายเสียก่อนจะได้โตเป็นสาว เช่นเดียวกับคาร์ล่า ภรรยาคนที่สองซึ่งหย่าขาดกับคาร์ไปแล้วก็แต่งงานกับเขาเมื่ออายุเพียง 16 ปีเท่านั้น

คาร์ล่าให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งว่า ตั้งแต่คดีโจนเบนท์ดังกระหึ่มไปทุกมุมเมือง อดีตสามีของเธอก็หมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้จนผิดปกติ นายเว็กซ์ฟอร์ด พ่อของคาร์ก็ยอมรับว่าลูกชายสนใจคดีโจนเบนท์มาก และได้ทำรายงานส่งให้วิทยาลัยที่เขาสำเร็จการศึกษาด้วย ซึ่งฝีมือการเขียนที่เจาะลึกเหมือนเห็นเหตุการณ์ด้วยตาตัวเองของเขานั้นเด็ดดวงจนอาจารย์ถึงกับออกปากว่านี่ถ้าไปเขียนนิยายขาย รับรองว่าต้องขายดิบขายดีติดอันดับเบสท์เซลเลอร์อย่างแน่นอน

หลังจากถูกจับในข้อหามีรูปเปลือยของเด็กๆ ไว้ในครอบครอง คาร์ก็หนีคดีออกร่อนเร่เป็นนกขมิ้นเหลืองอ่อนไปตามประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ อิตาลี ออสเตรเลีย ฮอนดูรัส และคอสตาริกา โดยไปประกอบอาชีพเป็นครูตามที่ถนัด แต่น่าสังเกตว่าเขาไม่เคยอยู่ที่ใดที่หนึ่งนานเกินสองปีเลย ก่อนจะถูกตำรวจตามมาจับได้เมื่อปี 2002 ในเมืองเล็กๆ ที่เรียกว่ากรุงเทพมหานคร ประเทศไทยเรานี่เอง



พอถูกจับแทนที่จะบอกปัดว่าตนเองไม่ผิดเหมือนผู้ต้องสงสัยทั่วไป คาร์กลับยืดอกรับหน้าตาเฉยว่าเขานี่ล่ะคือฆาตกรฆ่าโจนเบนท์ แต่เมื่อตำรวจส่งเรื่องไปถึงมืออัยการ อัยการประจำรัฐโคโลราโด้ก็ทำเอาทุกคนหน้าหงายด้วยการไม่ส่งฟ้องคาร์ โดยมีเหตุผลสั้นๆ ว่าหลักฐานไม่เพียงพอ เนื่องจากในช่วงเวลาที่เกิดคดีฆาตกรรมโจนเบนท์นั้น คาร์กำลังฉลองคริสต์มาสกับครอบครัวที่เมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ห่างจากเมืองโบลเดอร์ออกไปหลายร้อยไมล์

เซท เทอมิน ทนายของคาร์ก็ตีปีกแถลงว่า อัยการเขตโบลเดอร์ได้ยกเลิกหมายจับลูกความของเขาแล้ว และที่ตำรวจรีบจับตัวคาร์ทั้งๆ ที่ขาดพยานหลักฐานก็เป็นเพียงการหาแพะรับบาป เพราะคดีนี้ถูกสือมวลชนประโคมข่าวจนกลายเป็นประเด็นร้อนไปแล้วนั่นเอง อย่างไรก็ตามถึงจะรอดพนจากตำแหน่งฆาตกรในคดีโจนเบนท์ไปได้ แต่คาร์ก็ยังไม่วายต้องเข้าไปนอนตบยุงในคุกอยู่ดี เนื่องจากคดีมีภาพอนาจารของเด็กไว้ในครอบครองของเขายังไม่หมดอายุความ

มีข้อสังเกตว่าตลอดเวลาที่เรื่องของคาร์ตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งหลายวันติดต่อกัน ครอบครัวแรมซี่ย์ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงกลับเฉยสนิท ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย ราวกับพวกเขามั่นใจแต่แรกแล้วว่า คาร์ไม่ใช่ฆาตกรโหดที่ฆ่าลูกสาวของเขา ลินดา ฮอฟมันพิวจ์ อดีตแม่บ้านของพวกแรมซี่ย์ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสือซุบซิบสังคมเล่มหนึ่งว่า "เป็นไปได้ว่าโจนเบนท์ถูกแม่ของเธอฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ฉันรู้ดี เพื่อนฝูงของครอบครัวนี้ก็รู้ดี แม้แต่ตำรวจก็รู้ จะมีก็แต่กระบวนการยุติธรรมที่เอื้อมเข้ามาไม่ถึง"

ถ้อยแถลงของลินดาเป็นความจริงหรือไม่ คงมีแต่ครอบครัวแรมซี่ย์เท่านั้นที่จะตอบได้...

เล่าเรื่องผี เรื่องสยองขวัญ เรื่องผี
ฆาตกรโหด ฆาตกรต่อเนื่อง ฆาตกรโรคจิต
ผีนานาชาติ ผีปีศาจ พระธุดงค์เจอผี
โจนเบเน็ต คดีเพชรซาอุ เดวิด เบอร์โควิด
ซอว์นี่ บีน ฆาตกรโหดเมืองไทย อลิซาเบธ บาโธรี่
ฆาตกรฆ่าคนมากที่สุด คดีกักขังหน่วงเหนี่ยว คดีวิตถาร
คดีพิศวาสฆาตกรรม ฆาตกรเด็ก คดีฆ่าหั่นศพ
ยโศโฆษาฆาต แจ๊คเดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องอินเดีย
เบลล์ กันเนส ยูนาบอมเบอร์ เอล ชาโป
ผีภาคเหนือ ผีภาคอีสาน ผีญี่ปุ่น
เมืองอาถรรพ์ เรื่องเล่าเดอะช็อค มนุษย์กินคน
เรื่องย่อเพื่อเธอ เรื่องย่อสาวน้อยร้อยล้าน เรื่องย่อรักเร่
เรื่องย่อตามรักคืนใจ เรื่องย่อพลับพลึงสีชมพู เรื่องย่อไฟล้างไฟ
เรื่องย่อรัตนาวดี เรื่องย่อคู่ปรับฉบับหัวใจ เรื่องย่อห้องหุ่น
เรื่องย่อรอยรักแรงแค้น ขอเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชื่นใจ เรื่องย่อเพลิงตะวัน
เรื่องย่อนางร้ายที่รัก เพื่อนรักเพื่อนริษยา เรื่องย่อตะวันตัดบูรพา
เรื่องย่อเลื่อมสลับลาย นางสาวทองสร้อยคุณแจ๋ว เรื่องย่อใต้เงาจันทร์
เรื่องย่อละครเจ้านาง เรื่องย่อผู้กองยอดรัก เรื่องย่อสุดแค้นแสนรัก
เรื่องย่อเพลงรักเพลงลำ เรื่องย่อละครเพื่อนแพง เรื่องย่อเลือดมังกร
นิทานนางกากี นิทานนางพิกุลทอง นิทานยอพระกลิ่น
นิทานกระต่ายสามขา นิทานกระเช้าสีดา นิทานเคราะห์ของตาจัน
กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ทำไมงูเหลือมไม่มีพิษ ทำไมเต่ามีกระดอง
ทำไมจระเข้จึงไม่มีลิ้น ทำไมหมากับแมวไม่ถูกกัน ทำไมนกกะปูดตาแดง
นิทานธรรมชาดก เรื่องย่อละคร ดูดวงทำนายฝัน

เดวิด เบอร์โควิทซ์ ฆาตกรต่อเนื่องแห่งนิวยอร์ค 10 อันดับฆาตกรเด็ก ย้อนรอยคดีพิศวาสฆาตกรรม นวลฉวีและศยามล ไขปริศนาใครคือแจ๊คเดอะริปเปอร์ (Jack The Ripper) คดีโหดแห่งเขาแอลป์ เกรซ มูกาเบ หญิงร้ายแห่งซิมบับเว วิวาห์สังหารในอินเดีย ฆาตกรต่อเนื่อง 20 ศพ 25 การทรมานสุดโหดในประวัติศาสตร์

บทความเมนูอาหาร บทความภัยอันตราย บทความสุขภาพ บทความวิทยาศาสตร์ บทความสยองขวัญ บทความชีวิตสัตว์ บทความประวัติศาสตร์ บทความจัดอันดับ สารบัญบทความ

ชุ่มฉ่ำรับสงกรานต์ สรงน้ำพระธาตุตามปีเกิดด้วยหัวใจอิ่มบุญ

ชุ่มฉ่ำรับสงกรานต์ สรงน้ำพระธาตุตามปีเกิดด้วยหัวใจอิ่มบุญ

ประเพณีการไหว้พระธาตุประจำปีเกิดทั้ง 12 ปีนักษัตร เป็นคติความเชื่อโบราณที่สืบทิดกันมาหลายยุคหลายสมัย ว่ากันว่าเมื่อสิ้นอายุขัย ดวงวิญญาณจะไปสถิตย์อญู่ตามพระเจดีย์ต่างๆ ตามปีที่เกิด ดังนั้นในช่วงชีวิตหนึ่งจึงควรหาโอกาสไปสักการะบูชาองค์พระธาตุประจำปีเกิดสักครั้ง เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล มีอายุมั่นขวัญยืน และได้อานิสงค์แห่งผลบุญ นอกจากนี้ยังได้เที่ยวชมศิลปะและปูชนียสถานที่งดงามล้ำค่าอีกด้วยค่ะ

พระธาตุเจดีย์คือสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือเป็นสัญลักษณ์ที่ดำรงอยู่คู่กับพระพุทธศาสนามาช้านาน นอกจากนี้มูลเหตุของการสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ยังสัมพันธ์กับการเสด็จโปรดสัตว์ของพระพุทธเจ้าในดินแดนต่า งๆ และอาจรวมไปถึงการเกิดชุมชนเมืองและประวัติความเป็นมาของแต่ละท้องถิ่นนั้นๆ ค่ะ



คนที่เกิดปีชวด - ควรไปวักการะบูชาพระธาตุศรีจอมทอง
วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ตั้งอยู่ถนนเชียงใหม่-ฮอด อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 58 กิโลเมตร ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระทักษิณโมลีธาตุ (กระดูกกระหม่อมเบื้องขวา) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามประวัติเล่าว่า "พระเจ้าอโศกมหาราช" เป็นผู้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.218 นานมากๆ ปัจจุบันพระธาตุถูกบรรจุไว้ในพระโกศ 5 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ภายในพระวิหารจตุรมุข ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์ มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสคล้ายพระเจดีย์ กว้าง 4 เมตร สูง 8 เมตร ตามประวัติว่าสร้างขึ้นโดย "พระเจ้าดิลกปนัดดาธิราช" เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.2060
    คำบูชาพระธาตุศรีจอมทอง: นะโมพุทธายะ นะมามิ ติโลกะโมลี โลหะกูเฏ ปะติฏฐิตัง ปูชิตัง สัพพะโลเกหิ กิตติมันตัง มะโนหะลัง อะหังวันทามิ สัพพะทาฯ อังคะวะหะเย ปุเรระมะเน โกวิลา ลัคคะปัพพะตา สะหิเหมะคูหา คัพเภ ทักขิณะโมลี ธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะทาฯ

คนที่เกิดปีฉลู - ควรไปสักการะพระธาตุลำปางหลวง
วัดพระธาตุลำปางหลวง อำเภอเกาะคา เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองลำปางมาแต่โบราณเช่นกัน ตามตำนานกล่าวว่ามีมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ในราวพุทธศตวรรษที่ 20 ตอนปลาย เป็นวัดไม้ที่สมบูรณ์และงดงามด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ทรงคุณค่า เป็นที่ประดิษฐานองค์พระธาตุลำปางหลวง มีลักษณะทรงกลมแบบล้านนา ภายนอกบุด้วยทองจังโก ยอดฉัตรทำด้วยทองคำ มีลายสลักดุนเป็นลวดลายประจำยามแบบต่างๆ ฐานเป็นบัวลูกแก้ว ภายในบรรจุพระเกศา พระนลาฏข้างขวา (หน้าผาก) และพระศอ (ลำคอ) นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐาน "พระแก้วดอนเต้า" (พระแก้วมรกต) เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิศิลปะล้านนาสลักด้วยหยกสีเขียว
    คำบูชาพระธาตุลำปางหลวง: ยาปาตุภูตา อะตุลานุ ภาวาจีรัง ปะติฏฐาสัมภะ กัปปะปุเร เทเวนะ คุตตา อุตตะราภิทัย ยานะมามิหันตัง วะระชินะธาตุง

คนที่เกิดปีขาล - ควรไปสักการะพระธาตุช่อแฮ
เป็นเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุศอกซ้ายและพระเกศาธาตุ ตั้งอยู่ภายในวัดพระธาตุช่อแฮ อำเภอเมือง จังหวัดน่าน เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่เมืองมาแต่โบราณ ลักษณะองค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมสูง 33 เมตร ฐานเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองกว้างด้านละ 11 เมตร สร้างด้วยอิฐโบกปูนหุ้มด้วยแผ่นทองเหลืองลงรักปิดทองตามศิลปะแบบเชียงแสน
    คำบูชาพระธาตุช่อแฮ: โกเสยัง ธะชัคคะ ปัพพะเต พุทธะธาตุ ปะติฏฐิตัง ปะสันเนนะ อะหังวันทามิ ธาตุโย อะหังวันทามิ สัพพะโส

คนที่เกิดปีเถาะ - ควรไปสักการะพระธาตุแช่แห้ง
พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวน่าน ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 2 กิโลเมตร มีอายุเก่าแก่ราว 600 ปี ตามพงศาวดารเมืองน่าน สันนิษฐานว่า "พญาการเมือง" โปรดให้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมธาตุข้อพระหัตถ์ข้างซ้ายและพระเกศาธาตุที่ได้มาจากกรุงสุโขทัย องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงระฆัง มีความสูง 55.5 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจตุรัสกว้างด้านละ 22.5 เมตร บุด้วยทองเหลทองทั้งหมดองค์ ทางขึ้นสู่พระธาตุเป็นตัวพญานาค หน้าบันเหนือประตูทางเข้าพระวิหารเป็นปูนปั้นลายนาคเกี้ยว นับเป็นโบราณสถานที่งดงามแห่งหนึ่งของล้านนาเลยทีเดียว
    คำบูชาพระธาตุแช่แห้ง: ปายาตุภูตา อะตุรานุภาวะจีรัง ปะติฏฐิตา นันทะกัปปัฏฐานะปุระ เทเวนะคุตตา วะระพุทธาตุจีรัง อะหังวันทามิ ตันชินะธาตุง เสตะฐานะ อะหังวันทามิ ทูระโตฯ

คนที่เกิดปีมะโรง - ควรไปสักการะพระธาตุเจดีย์วัดพระสิงห์
ตั้งอยู่ในวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระเจดีย์เก่าแก่สร้างเมื่อปี 1888 เน้นการตกแต่งเรียบง่ายด้วยศิลปะแบบล้านนา - หริภุญชัยผสมลังกา โดยฝีมือช่างหลวงนครเชียงใหม่ องค์พระเจดีย์สูงจากพื้นดินถึงยอด 25 วา เป็นฐานเจดีย์เหลี่ยมยาวด้านละ 16 วา 1 ศอก 6 นิ้ว มีช้างประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ ทิศละ 1 เชือก นอกจากนี้วัดพระสิงห์ฯ ยังเป็นที่ประดิษฐาน "พระพุทธสิหิงค์" พระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชรภายในวิหารลายคำที่มีจิตรกรรมฝาผนังงดงามมากๆ และยังมีพระอุโบสถ หอไตรที่มีปูนปั้นรูปเทวดาประดับ และเจดีย์ทรงกลมแบบล้านนาอีกด้วย ชาวปีมะโรงจึงควรเดินทางไปสักการะ
    คำบูชาพระธาตุเจดีย์วัดพระสิงห์: อิติปะวะระสิหิงโต อุตตมะยะโสปิ เตโช ยัตถะ กัตถะ จิตโตโส สักกาโร อุปาโท สะกาละพุทธะ สาสะธัง โชตะ ยันโตวะ ทีโป สุระนะเรหิ มะหิโต ธะระมาโนยะ พุทโธติ



คนที่เกิดปีมะเส็ง - ควรไปสักการะพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์
พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ประดิษฐานอยู่ที่วัดหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และห่างจากตัวเมืองไปทางด้านทิศเหนือประมาณ 3 กิโลเมตร ตามถนนเลี่ยงเมืองจะมีทางแยกจากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 700 เมตร พระธาตุองค์นี้ถูกสร้างขึ้นเนื่องในวาระมงคลกึ่งพระพุทธกาลหรือครบรอบ 25 ศตวรรษ ของพุทธศาสนาในปี 2500 เพื่อรำลึกถึงการตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ โดยได้จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย นับเป็นวัดเดียวในภาคอีสานที่มีเจดีย์ลักษณะแบบนี้
    คำบูชาพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์:  ปฐมัง โพธิปัลลังกัง ทุติยัง อนิมมิสสะกัง ตะติยัง จังกะมะเสฏฐัง จตุตถัง ระตะนะฆะรังปัณจะมัง อะชะปาละ นิโครธังฉัฏฐัง ราชายะตะนัง สัตตะมัง มุจจะ ลินทัง อะหัง วันทามิ ทูระโต

เรื่องย่อเพื่อเธอ เรื่องย่อสาวน้อยร้อยล้าน เรื่องย่อรักเร่
เรื่องย่อตามรักคืนใจ เรื่องย่อพลับพลึงสีชมพู เรื่องย่อไฟล้างไฟ
เรื่องย่อรัตนาวดี เรื่องย่อคู่ปรับฉบับหัวใจ เรื่องย่อห้องหุ่น
เรื่องย่อรอยรักแรงแค้น ขอเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชื่นใจ เรื่องย่อเพลิงตะวัน
เรื่องย่อนางร้ายที่รัก เพื่อนรักเพื่อนริษยา เรื่องย่อตะวันตัดบูรพา
เรื่องย่อเลื่อมสลับลาย นางสาวทองสร้อยคุณแจ๋ว เรื่องย่อใต้เงาจันทร์
เรื่องย่อละครเจ้านาง เรื่องย่อผู้กองยอดรัก เรื่องย่อสุดแค้นแสนรัก
เรื่องย่อเพลงรักเพลงลำ เรื่องย่อละครเพื่อนแพง เรื่องย่อเลือดมังกร
นิทานนางกากี นิทานนางพิกุลทอง นิทานยอพระกลิ่น
นิทานกระต่ายสามขา นิทานกระเช้าสีดา นิทานเคราะห์ของตาจัน
กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ทำไมงูเหลือมไม่มีพิษ ทำไมเต่ามีกระดอง
ทำไมจระเข้จึงไม่มีลิ้น ทำไมหมากับแมวไม่ถูกกัน ทำไมนกกะปูดตาแดง
นิทานธรรมชาดก เรื่องย่อละคร ดูดวงทำนายฝัน
เล่าเรื่องผี เรื่องสยองขวัญ เรื่องผี
ฆาตกรโหด ฆาตกรต่อเนื่อง ฆาตกรโรคจิต
ผีนานาชาติ ผีปีศาจ พระธุดงค์เจอผี
โจนเบเน็ต คดีเพชรซาอุ เดวิด เบอร์โควิด
ซอว์นี่ บีน ฆาตกรโหดเมืองไทย อลิซาเบธ บาโธรี่
ฆาตกรฆ่าคนมากที่สุด คดีกักขังหน่วงเหนี่ยว คดีวิตถาร
คดีพิศวาสฆาตกรรม ฆาตกรเด็ก คดีฆ่าหั่นศพ
ยโศโฆษาฆาต แจ๊คเดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องอินเดีย
เบลล์ กันเนส ยูนาบอมเบอร์ เอล ชาโป
ผีภาคเหนือ ผีภาคอีสาน ผีญี่ปุ่น
เมืองอาถรรพ์ เรื่องเล่าเดอะช็อค มนุษย์กินคน

บทความเมนูอาหาร บทความภัยอันตราย บทความสุขภาพ บทความวิทยาศาสตร์ บทความสยองขวัญ บทความชีวิตสัตว์ บทความประวัติศาสตร์ บทความจัดอันดับ สารบัญบทความ

อบอวลความสุขหอมกรุ่นปิ้งย่างที่ Grilliku Japanese BBQ Yakiniku

อบอวลความสุขหอมกรุ่นปิ้งย่างที่ Grilliku Japanese BBQ Yakiniku

ต้องยอมรับเลยว่าธุรกิจปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นในขณะนี้กำลังได้รับความนิยมมากๆ ทุกร้านต่างงัดเอากลยุทธเด็ดๆ เพื่อดึงดูดลูกค้ากันยกใหญ่ แต่มีเพียงไม่กี่ร้านที่จะมอบความพิเศษแบบ All in One ทั้งรสชาติถูกปาก บริการแสนประทับใจ และราคาสบายกระเป๋าให้กับลูกค้าได้ครบถ้วน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี "Grilliku Japanese BBQ Yakiniku" ร้านปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นบนถนนสีลมที่ขอคอนเฟิร์มว่าสุดยอดจริงๆ


แม้ว่าร้านกริลลิคุ จะเปิดให้บริการได้ไม่นาน แต่ก็มัดใจลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้อยู่หมัดด้วยบริการสุดพิเศษและเมนูอาหารสุดคุ้ม โดยคุณเฟิร์น มุกชิตา บำรุงเขต ผู้จัดการสาวสวยได้เล่าถึงที่มาที่ไปของร้านให้ฟังว่า "กริลลิคุ" เกิดจากความชื่นชอบในการปิ้งย่างของกลุ่มเพื่อนสนิทซี้ปึ้ก 4 คนที่ต่อมาได้กลายเป็นหุ้นส่วนกัน จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมร้านนี้ถึงตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี


สไตล์การตกแต่งภายในร้านเน้นความสะดวกสะบาย ผนังปูนเปลือยรอบด้านช่วยขับสีสันของอาหาร เครื่องดื่มและเฟอร์นิเจอร์ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น มีบริการห้อง VIP ซึ่งแบ่งสัดส่วนด้วยฉากกั้นสไตล์ญี่ปุ่นสำหรับคนกลุ่มใหญ่ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว โต๊ะอาหารแต่ตัวยังติดตั้งเตาบาบีคิวแบบไร้ควัน คุณลูกค้าจึงหมดกังวลเรื่องกลิ่นติดเสื้อผ้าและผมเผ้าไปได้เลย



ในส่วนของอาหารก็ไม่มีคำว่าผิดหวัง เพราะที่นี่จัดเต็มด้วยบุฟเฟต์นานาชนิดที่เติมได้ไม่อั้นตลอด 1.30 ชั่วโมง ในราคาเพียง 450 บาทต่อคน


โดดเด่นด้วยเนื้อโคขุนคุณภาพดีที่ร้านกริลลิกุ คัดสรรจนได้เนื้อส่วนต่างๆ ที่มอบความอร่อยแบบไม่มีใครยอมใคร ทั้งเนื้อลายพิเศษ เนื้อติดมัน เนื้อสันใน ลิ้นวัว และยังเอาใจคนไม่ทานเนื้อด้วยผลิตภัณฑ์จากหมูดำ ได้แก่ เบคอน สันนอก สันคอ ลิ้นหมู ปลาแซลมอน ปลาฮามาจิย่าง ซาชิมิ หอยแมลงภู่ตัวโตคับจาน และกุ้งเนื้อเด้งดึ๋งดั๋งที่ทานได้ทั้งเปลือก เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงมากมาย อาทิ ข้าวญี่ปุ่น ข้าวกระเทียม ซุปมิโสะ กิมจิ สลัดผัก ฟักทอง เห็ดออรินจิ ฯลฯ


สำหรับของหวานล้างปากก็มีเต้าฮวยฟรุตสลัดและเฉาก๊วยแสนอร่อยไว้คอยบริการ ส่วนเครื่องดื่มก็มีทั้งชาจีน ชามะนาว และน้ำอัดลม แต่ที่เป็นไฮไลต์ของทางร้านก็คือ บุฟเฟ่ต์เบียร์สดเติมได้ไม่อั้นเพียงท่านละ 199 บาทเท่านั้น ว้าววว!! เนื้อย่างร้อนๆ กับเบียร์สดเย็นฉ่ำ คิดดูสิว่าจะเข้ากั๊นเข้ากันขนาดไหน


นอกจากนี้ยังเอาใจหนุ่มสาวออฟฟิศในชั่วโมงเร่งรีบด้วยเมนูข้าวหน้าต่างๆ พาเหรดมามอบความอร่อยในราคาสบายกระเป๋า อาทิ ข้าวหน้าไก่-เนื้อ-หมู ข้าวหน้าปลาแซลมอนราดซอสและอีกจานเด็ดของร้านคือ "Katsudon" ข้าวหมูทอดอบซอสญี่ปุ่นรสเข้มข้นถึงใจ เสิร์ฟพร้อมมิโสะซุป สลัดผัก กิมจิ และเฉาก๊วยในช่วง "Lunch Set" ตั้งแต่เวลา 11:00-14:30 น. ของทุกวันค่ะ


เริ่มเปรี้ยวปากแล้วใช่ม้า... ถ้าอย่างนั้นก็มาเอ็นจอยอีทติ้งกันเลยดีกว่าที่ Grilliku Japanese BBQ Yakiniku" ร้านอยู่บริเวณชั้นใต้ดินอาคาร CP Tower ถนนสีลม เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11:00-22:30 น. (เฉพาะวันเสาร์เปิดเที่ยงวัน) สำรองที่นั่งหรือสอบถามข้อมูลได้ที่ 02-631-0700 ค่ะ

ข้าวหน้าหมูทอดคัตสึด้ง Katsudon
 

ส่วนผสมน้ำซอส Katsudon
น้ำเปล่า 110 ซีซี
ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น 150 ซีซี
น้ำตาล 100 กรัม
เหล้ามิริน 1 ช้อนชา
สาเก 1 ช้อนชา
วิธีทำน้ำซอสคัตสึด้ง  นำส่วนผสมทั้งหมดมาต้มให้เดือด

ส่วนผสมหมูทอดทงคัตสึ Tonkatsu
ไข่ไก่ 1 ฟอง
หมูสันนอก 100 กรัม
แป้งสาลี
พริกไทยดำป่น
เกล็ดขนมปัง

วิธีทำ เริ่มด้วยการทุบหมูให้นุ่มก่อน จากนั้นหมักด้วยพริกไทยดำป่น แล้วจึงนำไปคลุกกับแป้งสาลี
          ตอกไข่ใส่ถ้วยแล้วตีให้เข้ากัน นำหมูคลุกแป้งลงชุบในไข่ไก่แล้วชุบต่อด้วยเกล็ดขนมปัง จากนั้นนำไปทอดให้เหลืองกรอบแล้วหั่นเป็นชิ้น
          เทซอสคัตสึด้งลงในกระทะ ใส่หัวหอมซอย ต้นหอมซอย หมูทอดและไข่ไก่ที่เหลือลงไปโดยไม่ต้องคน รอจนไข่สุกจึงตักส่วนผสมทั้งหมดราดลงบนข้าวสวยร้อนๆ

ที่มา นิตยสาร LIVE

อาหารญี่ปุ่น อาหารจีน อาหารไทย
อาหารเวียดนาม อาหารลาว อาหารอาเซียน
ขนมญี่ปุ่น อาหารจานยักษ์ เมนูราเม็ง
อาหารบนรถไฟ ไอติมญี่ปุ่น เมนูสุขภาพ
ราเม็งญี่ปุ่น การทำชีส อาหารบนทางด่วน
ร้านราดหน้า ร้านข้าวขาหมู ร้านบะหมี่เกี๊ยว
ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ร้านกระเพาะปลา ร้านสุกี้
ร้านโจ๊ก ร้านต้มเลือดหมู ร้านกุ้งอบวุ้นเส้น
ร้านข้าวต้มปลา เมนูติ่มซำ กับข้าวญี่ปุ่น
ของไหว้สารทจีน หม้อไฟญี่ปุ่น เมนูซูชิ
ซูชิยอดนิยม อาหารแปลกญี่ปุ่น อาหารแปลกทั่วโลก
ร้านฉวาง โกยซีหมี่ ขนมหวานเยอรมัน
เมนูเครื่องดื่ม ขนมไทยโบราณ ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ
ขนมไทยมงคล ช็อคโกแลตชีสเค้ก เนื้อวากิว

10 สุดยอดอาหารที่สร้างอเมริกา
เช่นเดียวกับหลายประเทศ อเมริกามีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและยาวนาน และด้วยประวัติศาสตร์นั้นมีอาหารมากมาย! ผู้คนมักจะเชื่อมโยงอาหารอเมริกันกับฮอทดอกและเบอร์เกอร์ และยังมีอีกมากมายที่ที่มา! นี่คืออาหาร 10 อันดับแรกที่สร้างอเมริกา

10.ปีกไก่บัฟฟาโล
ในขณะที่ปีกไก่ทอดเป็นอาหารหลักของชาวใต้ตราบเท่าที่เราจำได้ แต่ก็ไม่ได้เผ็ดร้อนแบบเผ็ดร้อนเสมอไป คนที่คิดว่าใครคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Teressa Bellissimo เจ้าของร่วมของ Anchor Bar ในบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก ในตำนานเล่าว่าคืนหนึ่ง Teressa ปรุงปีกที่เหลือในซอสร้อนเพื่อเป็นอาหารว่างยามดึกสำหรับลูกชายของเธอและเพื่อน ๆ ของเขา พวกเขารักพวกเขามากจน Bellisimos ใส่ไว้ในเมนูในวันถัดไป จานใหม่นี้เสิร์ฟพร้อมขึ้นฉ่ายสไลซ์และซอสบลูชีส และไม่นานพอ ผู้คนทั่วโลกต่างต้องการลิ้มรสของบัฟฟาโลวิงส์เหล่านี้ ในที่สุด ดิ๊ก วิงเกอร์ พนักงานขายซอสเผ็ดก็ออกเดินทางพร้อมกับโดมินิก ลูกชายของเทเรสซา พวกเขากำลังพยายามโปรโมตบัฟฟาโลวิงส์และขายซอสเผ็ด และสูตรนี้ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สถานะปีกของบัฟฟาโลถูกยึดไว้ในปี 1990 เมื่อแมคโดนัลด์เริ่มขาย Mighty Wings อีกหนึ่งปีต่อมา KFC ได้เปิดตัว Hot Wings และอีกไม่กี่ปีต่อมาก็ถึงตาของ Domino Pizza McDonald's กลับมาสู่ธุรกิจปีกอีกครั้งในปี 2013 และ Mighty Wings ได้รับการแนะนำทั่วประเทศที่ร้านอาหารส่วนใหญ่ตลอดไตรมาสแรกของปี 2014 พูดในสิ่งที่คุณต้องการเกี่ยวกับ Buffalo Chicken Wings แต่พวกมันร้อนแรงมาก! และดูเหมือนว่าทุกคนต้องการชิ้นส่วนของพวกเขา!

9. Tater Tots
ทุกคนรู้ดีนักเก็ตของมันฝรั่ง-y ดี แต่พวกเขามาจากไหน? เรื่องราวต้นกำเนิดของโรงอาหารสุดคลาสสิกแห่งนี้เริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1950 พี่น้องสองคน Nephi และ Golden Griggs ทำงานในฟาร์มของครอบครัว ในขณะที่พวกเขาทำเงินจากการขายข้าวโพดและมันฝรั่ง พี่น้องตัดสินใจที่จะเสี่ยงและบุกเข้าไปในอุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง พวกเขาจำนองที่ดินเพื่อซื้อพืชแช่แข็ง โรงงานซึ่งตั้งอยู่ที่ชายแดนของโอเรกอนและไอดาโฮ เป็นแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อบริษัทใหม่นี้ – Ore-Ida มีเงินจำนวนมากที่จะทำในเฟรนช์ฟรายที่ปรุงอย่างรวดเร็วและพี่น้องก็รู้ แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็พบปัญหา: เครื่องจักรของพวกเขามีปัญหาในการแยกของทอดที่ตัดอย่างดีออกจากข้อบกพร่องที่มีรูปร่างแปลกประหลาด นี่หมายความว่าพวกเขากำลังผลิตมันฝรั่งรูปร่างผิดปกติจำนวนมาก ซึ่งไม่สามารถขายเป็นเฟรนช์ฟรายได้อย่างแน่นอน พี่น้องได้เพิ่มกลไกใหม่เพื่อช่วยจัดเรียงและกำจัดชิ้นมันฝรั่งที่ไม่ต้องการ แต่นั่นหมายความว่าพี่น้องมีชิ้นมันฝรั่งที่ไม่ต้องการมากมาย พวกเขาจะทำอะไรกับพวกเขา? ในตอนแรก พวกเขาทำในสิ่งที่ชาวนาส่วนใหญ่ทำกับเศษวัสดุ พวกเขาเลี้ยงมันให้ปศุสัตว์ในฟาร์มของครอบครัว แต่พี่น้องอยากรู้ว่ามีอย่างอื่นที่พวกเขาสามารถทำกับเศษมันฝรั่งที่มีรูปร่างแปลก ๆ ได้หรือไม่ซึ่งจะสร้างผลกำไร ดังนั้นพวกเขาจึงทุบให้เข้ากันเพื่อสร้างนักเก็ตขนาดเล็กและเกิด tater tot! ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณมีมันฝรั่งชิ้นอร่อยๆ เหล่านี้ อย่าลืมนึกถึงนวัตกรรมของพี่น้องที่อยู่เบื้องหลังมัน! แต่นั่นก็หมายความว่าพวกพี่น้องมีมันฝรั่งชิ้นที่ไม่ต้องการมากมาย พวกเขาจะทำอะไรกับพวกเขา? ในตอนแรก พวกเขาทำสิ่งที่เกษตรกรส่วนใหญ่ทำกับเศษอาหาร พวกเขาเลี้ยงมันให้ปศุสัตว์ในฟาร์มของครอบครัว แต่พี่น้องอยากรู้ว่ามีอย่างอื่นที่พวกเขาสามารถทำกับเศษมันฝรั่งที่มีรูปร่างแปลก ๆ ได้หรือไม่ซึ่งจะสร้างผลกำไร ดังนั้นพวกเขาจึงทุบให้เข้ากันเพื่อสร้างนักเก็ตขนาดเล็กและเกิด tater tot! ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณมีมันฝรั่งชิ้นอร่อยๆ เหล่านี้ อย่าลืมนึกถึงนวัตกรรมของพี่น้องที่อยู่เบื้องหลังมัน! แต่นั่นก็หมายความว่าพวกพี่น้องมีมันฝรั่งชิ้นที่ไม่ต้องการมากมาย พวกเขาจะทำอะไรกับพวกเขา? ในตอนแรก พวกเขาทำสิ่งที่เกษตรกรส่วนใหญ่ทำกับเศษอาหาร พวกเขาเลี้ยงมันให้ปศุสัตว์ในฟาร์มของครอบครัว แต่พี่น้องอยากรู้ว่ามีอย่างอื่นที่พวกเขาสามารถทำกับเศษมันฝรั่งที่มีรูปร่างแปลก ๆ ได้หรือไม่ซึ่งจะสร้างผลกำไร ดังนั้นพวกเขาจึงทุบให้เข้ากันเพื่อสร้างนักเก็ตขนาดเล็กและเกิด tater tot! ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณมีมันฝรั่งชิ้นอร่อยๆ เหล่านี้ อย่าลืมนึกถึงนวัตกรรมของพี่น้องที่อยู่เบื้องหลังมัน! สิ่งที่จะเปลี่ยนกำไร ดังนั้นพวกเขาจึงทุบให้เข้ากันเพื่อสร้างนักเก็ตขนาดเล็กและเกิด tater tot! ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณมีมันฝรั่งชิ้นอร่อยๆ เหล่านี้ อย่าลืมนึกถึงนวัตกรรมของพี่น้องที่อยู่เบื้องหลังมัน! สิ่งที่จะเปลี่ยนกำไร ดังนั้นพวกเขาจึงทุบให้เข้ากันเพื่อสร้างนักเก็ตขนาดเล็กและเกิด tater tot! ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณมีมันฝรั่งชิ้นอร่อยๆ เหล่านี้ อย่าลืมนึกถึงนวัตกรรมของพี่น้องที่อยู่เบื้องหลังมัน!

8.ฮอทดอก
ฤดูร้อนไม่มีอะไรจะพูดได้เท่ากับการมีฮอทดอกดีๆสักตัว ไม่ว่าจะเป็นที่ปิกนิกกับเพื่อนหรือครอบครัวของคุณ หรือที่การแข่งขันเบสบอล ฮอทดอกเป็นเพียงสิ่งที่จะช่วยยกระดับอารมณ์ แต่สิ่งที่เกี่ยวกับฮอทดอกคือเราไม่รู้จริงๆ ว่ามันมาจากไหน แม้ว่าจะมีเรื่องราวมากมาย รายหนึ่งระบุว่าชื่อนี้มาจากการ์ตูนในหนังสือพิมพ์ที่แสดงโดยชายชื่อดอร์แกน ตามตำนานเล่าขาน ดอร์แกนสังเกตเห็นพ่อค้าแม่ค้าขาย “ไส้กรอกดัชชุนด์ร้อนๆ” ระหว่างการแข่งขันที่สนามโปโลนิวยอร์ก และตะโกนว่า “เอาไส้กรอกดัชชุนด์ร้อนๆ มา!” ดอร์แกนแสดงฉากนี้ด้วยสุนัขพันธุ์ดัชชุนด์นอนอยู่บนขนมปังพร้อมคำบรรยายว่า "เอาฮอทดอกของคุณมา" ประเด็นคือไม่มีใครสามารถหาสำเนาของการ์ตูนเรื่องนี้ได้ หายไปตามกาลเวลาหรือเปล่า หรือมันเคยมีมาแต่แรกแล้ว? บางคนคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกวงในระหว่างดอร์แกนกับคนขายของ แต่มันไม่ได้รับการยืนยัน แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ได้รับความนิยมมากกว่า แต่ความจริงก็คือฮอทดอกสามารถสืบย้อนไปถึงผู้อพยพชาวเยอรมันในทศวรรษที่ 1800 ได้! ผู้อพยพชาวเยอรมันไม่เพียงแต่นำไส้กรอกไปยังสหรัฐอเมริกาด้วยในช่วงปลายทศวรรษ 1800 แต่ยังนำสุนัขดัชชุนด์มาด้วย นักประวัติศาสตร์ฮอทดอกกล่าวว่าชื่อฮอทดอกอาจเริ่มเป็นเรื่องตลกเกี่ยวกับสุนัขตัวเล็ก ยาว และผอมของชาวเยอรมัน แม้ว่าต้นกำเนิดของอาหารนี้อาจสูญหายไปตามกาลเวลา แต่เราทุกคนต่างเห็นพ้องกันว่าฮอทดอกอร่อยและเป็นวัตถุดิบหลักของชาวอเมริกัน! ผู้อพยพชาวเยอรมันไม่เพียงแต่นำไส้กรอกไปยังสหรัฐอเมริกาด้วยในช่วงปลายทศวรรษ 1800 แต่ยังนำสุนัขดัชชุนด์มาด้วย นักประวัติศาสตร์ฮอทดอกกล่าวว่าชื่อฮอทดอกอาจเริ่มเป็นเรื่องตลกเกี่ยวกับสุนัขตัวเล็ก ยาว และผอมของชาวเยอรมัน แม้ว่าต้นกำเนิดของอาหารนี้อาจสูญหายไปตามกาลเวลา แต่เราทุกคนต่างเห็นพ้องกันว่าฮอทดอกอร่อยและเป็นวัตถุดิบหลักของชาวอเมริกัน! ผู้อพยพชาวเยอรมันไม่เพียงแต่นำไส้กรอกไปยังสหรัฐอเมริกาด้วยในช่วงปลายทศวรรษ 1800 แต่ยังนำสุนัขดัชชุนด์มาด้วย นักประวัติศาสตร์ฮอทดอกกล่าวว่าชื่อฮอทดอกอาจเริ่มเป็นเรื่องตลกเกี่ยวกับสุนัขตัวเล็ก ยาว และผอมของชาวเยอรมัน แม้ว่าต้นกำเนิดของอาหารนี้อาจสูญหายไปตามกาลเวลา แต่เราทุกคนต่างเห็นพ้องกันว่าฮอทดอกอร่อยและเป็นวัตถุดิบหลักของชาวอเมริกัน!

7.พายแอปเปิ้ล
ไม่มีอะไรจะค่อนข้างอเมริกันเท่ากับพายแอปเปิล ไม่ว่าจะซื้อจากร้านค้า เบเกอรี่ในท้องถิ่น หรือทำโดยคุณย่า เราทุกคนต่างเห็นพ้องกันว่าพายแอปเปิลเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้ร่างกายอบอุ่นหลังจากวันที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน แต่ในขณะที่เราทุกคนเชื่อมโยงพายแอปเปิลกับอเมริกา คุณรู้หรือไม่ว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นจริงที่นี่ แล้วมันมาจากไหน? สูตรพายที่เขียนขึ้นครั้งแรกนั้นย้อนกลับไปที่อังกฤษ มันถูกเขียนขึ้นในปี 1381 และรวมถึงแอปเปิ้ล มะเดื่อ ลูกเกด ลูกแพร์ และเปลือกขนม ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีหลักฐานว่าพายแอปเปิลไม่ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นที่นั่นเท่านั้น แต่ยังมีรูปแบบบางอย่างอยู่ทั่วยุโรป ตัวอย่างเช่น หลักฐานของพายแอปเปิลดัตช์ย้อนกลับไปในทศวรรษ 1600 สำหรับคนที่คุณสงสัย พายดัตช์ประกอบด้วยมะนาวและอบเชย และบางครั้งลูกเกดและไอซิ่ง ชาวฝรั่งเศสยังได้คิดค้น Tarte Tatin ซึ่งเกิดขึ้นโดยบังเอิญเมื่อเจ้าของโรงแรมชื่อ Stephanie Tatin พยายามทำพายแอปเปิ้ลแบบดั้งเดิมในยุค 1880 ดังนั้น ในขณะที่เราทุกคนเคยได้ยินวลีที่ว่า “เป็นคนอเมริกันอย่างพายแอปเปิล” ที่จริงแล้วอาจจะไม่จริง แต่เนื่องจากอเมริกาเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมมากมาย เราไม่แปลกใจเลยที่พายแอปเปิลกลายเป็นสมบัติของสหรัฐ แม้ว่ามันจะถูกประดิษฐ์ขึ้นที่อื่นก็ตาม

6.ซี่โครงหมูบาร์บีคิว
ซี่โครงบาร์บีคิวเป็นนวัตกรรมต้นศตวรรษที่ 20 ที่ขับเคลื่อนโดยอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์เนื้อสัตว์ เครื่องทำความเย็นแบบกลไก และแผงขายบาร์บีคิวเชิงพาณิชย์ ก่อนการทำความเย็นเชิงกลและการขนส่งทางรถไฟ ผู้คนไม่กินเนื้อสัตว์ตลอดปีเพราะไม่มีทางที่จะไม่ให้เนื้อเน่าเสียได้ เกษตรกรต้องรอจนถึงสัปดาห์แรกของฤดูหนาวที่หนาวเย็นเพื่อฆ่าสุกร มันต้องเย็นพอ—ต่ำกว่า 40°F—สำหรับซากสัตว์ที่จะเย็นลงอย่างรวดเร็วและไม่เน่าเสีย แต่ก็ไม่เย็นจนเนื้อจะแข็ง การฆ่าหมูทำให้เกิดการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ และเกือบทุกส่วนของสัตว์ถูกนำมาใช้: เลือดซึ่งสงวนไว้สำหรับพุดดิ้ง และไขมันซึ่งถูกปรุงเป็นน้ำมันหมูในกาต้มน้ำขนาดยักษ์ เศษเนื้อและไขมันชิ้นเล็ก ๆ บดเป็นไส้กรอก และต้มหัวและเท้าเพื่อทำ "เนื้อ souse" หรือทำให้หนา สตูว์เผ็ด – แฮชและข้าว กับข้าวบาร์บีคิวแบบดั้งเดิมของเซาท์แคโรไลนา เพื่อนฝูงและเพื่อนบ้านได้รับเชิญไปที่นั่น และพวกเขาจะรับประทานอาหารในตอนกลางคืน เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้า ผู้คนเข้าถึงซี่โครงได้มากขึ้น และอุตสาหกรรมการห่อเนื้อหมูก็เพิ่มขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ปัญหาเดียวคือซี่โครงหมูไม่พอดีกับถัง ซึ่งหมายความว่าโรงงานเหล่านี้มีซี่โครงที่ไม่ต้องการจำนวนมาก ว่ากันว่าในช่วงฤดูฆ่าสุกร คุณสามารถไปโรงฆ่าสัตว์และรับซี่โครงหมูได้ฟรี แต่เมื่อตู้เย็นกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น ผู้คนสามารถมีซี่โครงสำรองได้ตลอดทั้งปี ซึ่งหมายความว่าพวกเขามีเวลามากขึ้นในการทดลองสูตรอาหาร ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซี่โครงบาร์บีคิวเริ่มปรากฏขึ้นทั่วประเทศ และที่เหลือก็เป็นประวัติศาสตร์! เพื่อนฝูงและเพื่อนบ้านได้รับเชิญไปที่นั่น และพวกเขาจะรับประทานอาหารในตอนกลางคืน เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้า ผู้คนเข้าถึงซี่โครงได้มากขึ้น และอุตสาหกรรมการห่อเนื้อหมูก็เพิ่มขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ปัญหาเดียวคือซี่โครงหมูไม่พอดีกับถัง ซึ่งหมายความว่าโรงงานเหล่านี้มีซี่โครงที่ไม่ต้องการจำนวนมาก ว่ากันว่าในช่วงฤดูฆ่าสุกร คุณสามารถไปโรงฆ่าสัตว์และรับซี่โครงหมูได้ฟรี แต่เมื่อตู้เย็นกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น ผู้คนสามารถมีซี่โครงสำรองได้ตลอดทั้งปี ซึ่งหมายความว่าพวกเขามีเวลามากขึ้นในการทดลองสูตรอาหาร ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซี่โครงบาร์บีคิวเริ่มปรากฏขึ้นทั่วประเทศ และที่เหลือก็เป็นประวัติศาสตร์! เพื่อนฝูงและเพื่อนบ้านได้รับเชิญไปที่นั่น และพวกเขาจะรับประทานอาหารในตอนกลางคืน เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้า ผู้คนเข้าถึงซี่โครงได้มากขึ้น และอุตสาหกรรมการห่อเนื้อหมูก็เพิ่มขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ปัญหาเดียวคือซี่โครงหมูไม่พอดีกับถัง ซึ่งหมายความว่าโรงงานเหล่านี้มีซี่โครงที่ไม่ต้องการจำนวนมาก ว่ากันว่าในช่วงฤดูฆ่าสุกร คุณสามารถไปโรงฆ่าสัตว์และรับซี่โครงหมูได้ฟรี แต่เมื่อตู้เย็นกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น ผู้คนสามารถมีซี่โครงสำรองได้ตลอดทั้งปี ซึ่งหมายความว่าพวกเขามีเวลามากขึ้นในการทดลองสูตรอาหาร ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซี่โครงบาร์บีคิวเริ่มปรากฏขึ้นทั่วประเทศ และที่เหลือก็เป็นประวัติศาสตร์! และเนื้อหมูอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นในต้นศตวรรษที่ 19 ปัญหาเดียวคือซี่โครงหมูไม่พอดีกับถัง ซึ่งหมายความว่าโรงงานเหล่านี้มีซี่โครงที่ไม่ต้องการจำนวนมาก ว่ากันว่าในช่วงฤดูฆ่าสุกร คุณสามารถไปโรงฆ่าสัตว์และรับซี่โครงหมูได้ฟรี แต่เมื่อตู้เย็นกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น ผู้คนสามารถมีซี่โครงสำรองได้ตลอดทั้งปี ซึ่งหมายความว่าพวกเขามีเวลามากขึ้นในการทดลองสูตรอาหาร ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซี่โครงบาร์บีคิวเริ่มปรากฏขึ้นทั่วประเทศ และที่เหลือก็เป็นประวัติศาสตร์! และเนื้อหมูอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นในต้นศตวรรษที่ 19 ปัญหาเดียวคือซี่โครงหมูไม่พอดีกับถัง ซึ่งหมายความว่าโรงงานเหล่านี้มีซี่โครงที่ไม่ต้องการจำนวนมาก ว่ากันว่าในช่วงฤดูฆ่าสุกร คุณสามารถไปโรงฆ่าสัตว์และรับซี่โครงหมูได้ฟรี แต่เมื่อตู้เย็นกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น ผู้คนสามารถมีซี่โครงสำรองได้ตลอดทั้งปี ซึ่งหมายความว่าพวกเขามีเวลามากขึ้นในการทดลองสูตรอาหาร ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซี่โครงบาร์บีคิวเริ่มปรากฏขึ้นทั่วประเทศ และที่เหลือก็เป็นประวัติศาสตร์! เมื่อตู้เย็นกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น ผู้คนสามารถมีซี่โครงสำรองได้ตลอดทั้งปี ซึ่งหมายความว่าพวกเขามีเวลามากขึ้นในการทดลองกับสูตรอาหาร ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซี่โครงบาร์บีคิวเริ่มปรากฏขึ้นทั่วประเทศ และที่เหลือก็เป็นประวัติศาสตร์! เมื่อตู้เย็นกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น ผู้คนสามารถมีซี่โครงสำรองได้ตลอดทั้งปี ซึ่งหมายความว่าพวกเขามีเวลามากขึ้นในการทดลองกับสูตรอาหาร ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซี่โครงบาร์บีคิวเริ่มปรากฏขึ้นทั่วประเทศ และที่เหลือก็เป็นประวัติศาสตร์!

5.แซนวิชรูเบน
แซนวิชรูเบนเป็นแซนด์วิชอเมริกันย่างที่ประกอบด้วยเนื้อคอร์น ชีสสวิส กะหล่ำปลีดอง และน้ำสลัดรัสเซีย ไม่ว่าคุณจะทำที่บ้านหรือขุดดินในช่วงพักกลางวัน คุณก็เข้าใจได้ง่ายว่าทำไมสิ่งเหล่านี้ถึงคลาสสิก แต่เช่นเดียวกับอาหารอื่น ๆ ในรายการนี้ Reuben Sandwich มีเรื่องราวต้นกำเนิดไม่กี่อย่าง หนึ่งในเรื่องราวเหล่านี้เล่าโดยตระกูล Kulakofsky ตามตำนานกล่าวว่าแซนด์วิชนี้คิดค้นขึ้นโดยไม่มีใครอื่นนอกจากรูเบน คูลาคอฟสกี คนขายของชำที่เกิดในลิทัวเนียในลิทัวเนีย ซึ่งอาศัยอยู่ในโอมาฮา รัฐเนบราสกา วันหนึ่ง ที่เกมโป๊กเกอร์ประจำสัปดาห์ของเขา ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมแบล็คสโตน รูเบนขอแซนวิชที่ทำจากเนื้อข้าวโพดและกะหล่ำปลีดอง เชฟชื่อ Schimmel ทำอาหารให้เขา โดยใส่สวิสชีสและน้ำสลัดพันเกาะตามสั่ง โดยวางทุกอย่างบนขนมปังข้าวไรย์ หลังจากที่รู้ว่ามันเป็นส่วนผสมที่ดี Schimmel ใส่ไว้ในเมนูอาหารกลางวันของ Blackstone และชื่อเสียงก็แพร่หลายเมื่ออดีตพนักงานของโรงแรมชนะการประกวดไอเดียแซนวิชระดับประเทศด้วยสูตรนี้ อีกเรื่องหนึ่งระบุว่าไม่ใช่รูเบน คูลาคอฟสกี ผู้คิดค้นแซนวิช แต่เป็นอาร์โนลด์ รูเบน เจ้าของร้านอาหารชาวเยอรมัน-ยิวต่างหาก เขาอาศัยอยู่ในนิวยอร์กซิตี้ และตามเรื่องเล่า Reuben ได้สร้าง "Reuben Special" ขึ้นในปี 1914 มีเรื่องราวอื่นๆ มากมาย แต่ความจริงก็คือเมื่ออาหารประเภทหนึ่งได้รับความนิยม ทุกคนต้องการอ้างสิทธิ์การประดิษฐ์ ไม่ว่าความจริงแล้ว Reuben Sandwich ยังคงเป็นแบบคลาสสิกด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่แทนที่จะเป็น Arnold Reuben เจ้าของร้านอาหารชาวเยอรมัน-ยิว เขาอาศัยอยู่ในนิวยอร์กซิตี้ และตามเรื่องเล่า Reuben ได้สร้าง "Reuben Special" ขึ้นในปี 1914 มีเรื่องราวอื่นๆ มากมาย แต่ความจริงก็คือเมื่ออาหารประเภทหนึ่งได้รับความนิยม ทุกคนต้องการอ้างสิทธิ์การประดิษฐ์ ไม่ว่าความจริงแล้ว Reuben Sandwich ยังคงเป็นแบบคลาสสิกด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่แทนที่จะเป็น Arnold Reuben เจ้าของร้านอาหารชาวเยอรมัน-ยิว เขาอาศัยอยู่ในนิวยอร์กซิตี้ และตามเรื่องเล่า Reuben ได้สร้าง "Reuben Special" ขึ้นในปี 1914 มีเรื่องราวอื่นๆ มากมาย แต่ความจริงก็คือเมื่ออาหารประเภทหนึ่งได้รับความนิยม ทุกคนต้องการอ้างสิทธิ์การประดิษฐ์ ไม่ว่าความจริงแล้ว Reuben Sandwich ยังคงเป็นแบบคลาสสิกด้วยเหตุผลใดก็ตาม

4.บิสกิตและน้ำเกรวี่
ใครไม่ชอบบิสกิตและน้ำเกรวี่จานร้อน? บิสกิตเนยที่มีลักษณะเป็นขุย จับคู่กับน้ำเกรวี่ที่เสื่อมโทรมเป็นสิ่งที่เข้ากันได้อย่างแท้จริงในสวรรค์ ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด คุณจะพบว่าอาหารจานนี้มีความหลากหลาย ทุกคนที่ได้ลิ้มรสอาหารมื้อนี้มีความสุข และในขณะที่ตอนนี้ถือว่าเป็นอาหารคลาสสิก แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป บิสกิตและน้ำเกรวี่ถูกคิดค้นขึ้นใน Southern Appalachia ในช่วงปลายทศวรรษ 1800 เนื่องจากไม้แปรรูปเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลัก สูตรนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเชื้อเพลิงราคาถูกที่มีแคลอรีสูงเพื่อให้คนงานมีพลังงานและกำลังใจ บิสกิตที่ใช้เรียกว่า "บิสกิตที่ตีแล้ว" และพวกเขาได้หัวเชื้อและเนื้อสัมผัสที่เรียบเนียนจากการถูกทุบและพับอย่างแรง ในที่สุด บิสกิตเหล่านี้ก็มีความพยายามมากเกินไปที่จะทำ ดังนั้นในปี 1877 เครื่องจักรจึงถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อผลิตมันแทน เครื่องนี้ช่วยประหยัดบิสกิตที่ถูกทุบตีจากการสูญพันธุ์เพียงลำพังและทำให้มันนุ่มนวลขึ้น สวยขึ้น และเป็นที่นิยมมากขึ้นกว่าเดิม ไม่กี่ปีต่อมา ผงฟูและเบกกิ้งโซดาก็มีจำหน่ายในท้องตลาด โดยมีแป้งเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าบิสกิตได้รับการปรับปรุงใหม่อีกครั้ง ณ จุดนี้ ผู้คนสามารถทำบิสกิตที่ดีงามได้ เหตุใดจึงจับคู่กับน้ำเกรวี่เสมอ? น้ำเกรวี่ทำมาจากไส้กรอก กระทะ แป้ง และนม หลายอย่างที่มีอยู่หลังสงครามปฏิวัติอเมริกา บิสกิตและน้ำเกรวี่มีความเชื่อมโยงกันตั้งแต่นั้นมา และเราไม่สามารถมีความสุขมากขึ้น ด้วยปริมาณแป้งที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าบิสกิตได้รับความสดชื่นขึ้นอีก ณ จุดนี้ ผู้คนสามารถทำบิสกิตที่ดีงามได้ เหตุใดจึงจับคู่กับน้ำเกรวี่เสมอ? น้ำเกรวี่ทำมาจากไส้กรอก กระทะ แป้ง และนม หลายอย่างที่มีอยู่หลังสงครามปฏิวัติอเมริกา บิสกิตและน้ำเกรวี่มีความเชื่อมโยงกันตั้งแต่นั้นมา และเราไม่สามารถมีความสุขมากขึ้น ด้วยปริมาณแป้งที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าบิสกิตได้รับความสดชื่นขึ้นอีก ณ จุดนี้ ผู้คนสามารถทำบิสกิตที่ดีงามได้ เหตุใดจึงจับคู่กับน้ำเกรวี่เสมอ? น้ำเกรวี่ทำมาจากไส้กรอก กระทะ แป้ง และนม หลายอย่างที่มีอยู่หลังสงครามปฏิวัติอเมริกา บิสกิตและน้ำเกรวี่มีความเชื่อมโยงกันตั้งแต่นั้นมา และเราไม่สามารถมีความสุขมากขึ้น

3.มีทโลฟ
อ่า มีทโลฟ ไม่ว่าจะเตรียมโดยแม่ของคุณหรือคุณได้มาจากร้านอาหารแบบสุ่ม ใครจะไม่ชอบเนื้อดีๆสักก้อนล่ะ? แต่มันเริ่มต้นที่ไหน? สูตรแรกที่บันทึกไว้สำหรับมีทโลฟที่เรารู้จักมาจากช่วงปลายทศวรรษที่ 1870 หนังสือเล่มนี้สั่งให้พ่อครัวหั่น “เนื้อเย็นอะไรก็ได้ที่คุณมี” เนื้อนั้นน่าจะเป็นเนื้อวัวเพราะผู้คนมักจะฆ่าวัวก่อนฤดูหนาวและพยายามใช้ประโยชน์จากเนื้อสัตว์ทุกชิ้นสุดท้ายอย่างเต็มที่ มีทโลฟเป็นวิธีที่ดีในการใช้ประโยชน์จากเศษที่เหลือเหล่านั้น ใส่พริกไทย เกลือ หัวหอม ขนมปังชุบนมและไข่ที่ด้านบนของเนื้อเย็น หากคุณเคยทำมีทโลฟมาก่อน คุณอาจจะต้องตกใจเมื่อเห็นว่าสูตรนี้ยังคงเหมือนเดิมมานานหลายศตวรรษ แต่มีข้อแตกต่างอย่างหนึ่งคือ สมัยนั้น มีทโลฟไม่ใช่สำหรับมื้อเย็น มันเป็นอาหารเช้า เมื่อบรรจุภัณฑ์เนื้อสัตว์ระดับอุตสาหกรรมเริ่มต้นขึ้น มีทโลฟได้รับการยกระดับขึ้นสู่ระดับใหม่ทั้งหมด เนื่องจากการบรรจุหีบห่อทำให้เกิดเศษวัสดุจำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณต้องการสำหรับมีทโลฟ ในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ มีทโลฟกลายเป็นอาหารหลักในอาหารของชาวอเมริกันจำนวนมาก เนื่องจากช่วยให้พ่อครัวปรุงอาหารในครัวเรือนขยายโปรตีนอันล้ำค่าออกไปได้ไกลกว่าที่ควรจะเป็น ตั้งแต่นั้นมา มันก็ยังคงเป็นวัตถุดิบหลักของอเมริกา และจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกหลายร้อยปี

2.ปลายข้าว
Grits เป็นอีกหนึ่งคลาสสิกและเป็นวัตถุดิบมานานหลายศตวรรษ ได้รับการแนะนำครั้งแรกโดยชนพื้นเมืองอเมริกันในศตวรรษที่ 16 ซึ่งกำลังรับประทานข้าวโพดบดเนื้อนุ่มอยู่แล้ว สูตรนี้ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับชาวอาณานิคมชาวยุโรปเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1584 เย็นวันหนึ่งในรัฐนอร์ทแคโรไลนา เซอร์วอลเตอร์ ราลีห์และคนของเขารับประทานอาหารร่วมกับชนพื้นเมืองอเมริกันในท้องถิ่น และชายคนหนึ่งเขียนถึงข้าวโพดต้มที่ “ขาวมาก ยุติธรรม และรสชาติดี” ว่า ถูกเสิร์ฟให้กับพวกเขา จานนั้นถูกเรียกว่า 'rockahomine' โดยชนพื้นเมืองอเมริกัน ซึ่งต่อมาถูกย่อให้เหลือ 'hominy' โดยชาวอาณานิคม อาหารจานนี้ถูกเสนอให้กับผู้ตั้งถิ่นฐานในเวอร์จิเนีย และพวกเขาชอบมันมากจนชาวพื้นเมืองอเมริกันสอนวิธีทำอาหารจานนี้! เมื่อพวกเขาเรียนรู้ มันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาหารอเมริกันอย่างรวดเร็ว Grits ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น และภายในเวลาไม่กี่ปี มันกลายเป็นประเพณีสำหรับเกือบทุกรัฐทางใต้ โดยเฉพาะเซาท์แคโรไลนา เนื่องจากอยู่ใกล้ทะเล ปลายข้าวจึงกลายเป็นอาหารเช้าง่ายๆ สำหรับชาวประมงที่ชอบใส่กุ้งลงไป ปลายข้าวทำจากข้าวโพดบดหรือโฮมินี่ ต้มและผสมกับเนยและนม และมักเสิร์ฟพร้อมกุ้ง ที่กล่าวว่ามีรูปแบบอื่น ๆ อีกมากมายที่ดีพอ ๆ กัน!

1.แฮมเบอร์เกอร์
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดคือแฮมเบอร์เกอร์ แท้จริงแล้วไม่มีอะไรที่จะเป็นอเมริกันมากไปกว่าเบอร์เกอร์ที่ทำมาอย่างดี และส่วนที่ดีที่สุด? มีตัวเลือกมากมาย! แบบดั้งเดิม อาหารรสเลิศ ฟาสต์ฟู้ด สไลเดอร์ เบคอน พริกเขียว… รายการรูปแบบและท็อปปิ้งไม่มีที่สิ้นสุด! และมีสถานที่มากมายที่ยินดีให้บริการอาหารจานนี้ ไม่ว่าจะเป็นร้านแมคโดนัลด์ ห้องอาหารสุดหรู หรือร้านอาหารท้องถิ่นของคุณ แฮมเบอร์เกอร์ปรากฏตัวครั้งแรกในปลายศตวรรษที่ 19 และแฮมเบอร์เกอร์สมัยใหม่เกิดขึ้นเนื่องจากบางสิ่ง ในช่วงอุตสาหกรรม สังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งชนชั้นกลางและชนชั้นแรงงานเกิดขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีความต้องการอาหารที่ผลิตในปริมาณมากและมีราคาไม่แพงที่สามารถคว้าได้ทุกที่ มีหลักฐานมากมายที่ระบุว่าสหรัฐอเมริกาหรือเยอรมนี (โดยเฉพาะฮัมบูร์ก) เป็นประเทศแรกที่ผลิตแฮมเบอร์เกอร์ สุดท้ายแล้วมันมาจากไหนกันแน่? สิ่งที่สำคัญคือจะไปที่ไหน ซึ่งอยู่ในปากของผู้คนหลายพันคนทุกวัน และนั่น ผู้ชมที่รักของเรา เป็นที่ที่แฮมเบอร์เกอร์เจริญรุ่งเรือง

15 สุดยอดซอสอาหารจานด่วนที่คุณต้องลอง!
ไม่ว่าจะเป็นการจิ้มนักเก็ต มันฝรั่งทอด หรือเพียงเพื่อเติมเต็มเบอร์เกอร์ฉ่ำของคุณ ซอสก็เป็นสิ่งที่ต้องมีเมื่อสั่งอาหารจานด่วนทุกครั้ง ไม่ว่าคุณจะชอบรสเผ็ด รสหวาน หรือน้ำเกรวี่เข้มข้น ซอสที่คัดสรรมาอย่างดีนั้นก็มีให้เลือกตามความชอบของคุณ เพื่อช่วยให้คุณเลือกอย่างชาญฉลาด นี่คือ 15 อันดับซอสอาหารจานด่วนที่ดีที่สุด

15.ฟาร์มปศุสัตว์ Popeyes Buttermilk
แทบทุกคนรักฟาร์มปศุสัตว์ อย่างน้อยทุกคนในอเมริกา คุณสามารถกินซอสครีมนี้กับอะไรก็ได้ตั้งแต่สลัดไปจนถึงพิซซ่า แต่อาจเป็นเพื่อนสนิทที่ดีที่สุด? ไก่ทอดกรอบอร่อยจาก Popeyes Popeyes เป็นหนึ่งในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ให้บริการไก่ที่ดีพอที่จะกินเองได้ ด้วยรสชาติที่มากอยู่แล้ว ไม่มากสามารถทำให้ดีขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณรู้สึกอยากผสมสิ่งต่างๆ ขึ้นเล็กน้อย ทางออกที่ดีที่สุดของคุณก็คือซอส Buttermilk Ranch มีความสมดุลที่สมบูรณ์แบบของเนื้อครีมพริกไทยที่เติมเต็มเครื่องเทศเคจันจากไก่ได้อย่างลงตัว คุณสามารถเพิ่มลงในแซนวิชไก่กรอบหรือจิ้มเนื้อนุ่มๆ ก็ได้ - คุณเลือกได้ แน่นอนว่ามีแคลอรีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ฟาร์มปศุสัตว์เป็นฟาร์มปศุสัตว์ และเราไม่สามารถปฏิเสธได้ ดังนั้นควรดื่มด่ำกับสิ่งที่ดีที่สุดด้วยเช่นกัน

14.ซอสทาโก้เบลนาโชชีส
Taco Bell มีซอสค่อนข้างน่าประทับใจ ตั้งแต่รสอ่อนไปจนถึงเผ็ดร้อนไปจนถึงซัลซ่าเวิร์ด ความเป็นไปได้สำหรับทาโก้ของคุณมีมากมาย แต่ถ้าเราข้ามผ่านตัวเลือกที่ชัดเจนของซองซอส ก็ยังมีอีกซอสหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในเงามืดซึ่งมักถูกมองข้ามไป นั่นคือซอสนาโชชีส ซอสที่ร้อนและวิเศษนี้เหมาะสำหรับการจุ่มมันฝรั่งทอดลงในชิป Tortilla แบบเก่าธรรมดา แม้ว่าซอสสูตรเฉพาะนี้อาจไม่ได้มีส่วนผสมของชีสที่ “เป็นธรรมชาติ” ที่สุด แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่ทุกคนควรลองอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต ซอสชีสที่เป็นของเหลวเสมอนี้ทำมาจากส่วนผสมของชีสทั่วไป เช่น นมที่ไม่มีไขมันและหางนม แต่ยังมีส่วนแบ่งที่พอเหมาะของหมากฝรั่งเซลลูโลสและน้ำมันพืช อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถละทิ้งรสชาติที่ปลอบโยนและเสพติดของซอสชีส Nacho ของ Taco Bell ได้

13. Whataburger ซอสมะเขือเทศรสเผ็ด
แฟน ๆ ของเครือข่าย Whataburger ทางตอนใต้จริงจังกับเบอร์เกอร์ของพวกเขามาก พวกเขายังจริงจังมากเกี่ยวกับความรักที่มีต่อซอสมะเขือเทศ "ใหม่และปรับปรุง" ซอสมะเขือเทศรสเผ็ดของ Whataburger มันอาจจะดูไม่ค่อยดีในตอนแรก คุณก็รู้ แค่ซอสมะเขือเทศธรรมดาที่ปรุงรสด้วยเครื่องเทศ แต่ในความเป็นจริง มันมีมากกว่านั้นมาก เมื่อมองแวบแรก ดูเหมือนซอสมะเขือเทศที่ยังไม่ผ่านกระบวนการใดๆ ของคุณ และแม้แต่รสชาติก็ชอบ แต่นั่นเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น – แค่รอจนกว่าพริกจาลาปิโนสีแดงจะโดนคุณ มันคืออาวุธลับของซอสมะเขือเทศ Whataburger ก้าวไปอีกขั้นของซอสมะเขือเทศ และเป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมบริษัทจำนวนมากถึงยังไม่ได้พยายามลอกเลียนแบบซอสมะเขือเทศนี้ ดูเหมือนความคิดล้านดอลลาร์ ตอนนี้คุณสามารถซื้อซอสมะเขือเทศรสเผ็ดของ Whataburger ทางออนไลน์และในร้านขายของชำในภูมิภาคได้ ดังนั้นคุณจึงมีพร้อมสำหรับการวิ่ง Whataburger ครั้งต่อไป

12.ซอสเปรี้ยวหวานของแมคโดนัลด์
อีกครั้งที่นี่คือห่วงโซ่อาหารฟาสต์ฟู้ดที่มีซอสให้เลือกมากมาย การเลือกเพียงคนเดียวเพื่อครองเหนือคนอื่น ๆ ค่อนข้างจะทำได้ยาก แต่โชคดีที่มีหนึ่งที่ดูเหมือนจะบรรลุความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่น่าพอใจ – ซอสเปรี้ยวหวานของ McD ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดจำนวนมากเสนอซอสคลาสสิกในเวอร์ชันของตัวเอง แต่คุณสามารถหาครีมของครีมได้ที่บิ๊กเอ็ม ซึ่งโดดเด่นทุกประการ มีรสหวานอมเปรี้ยวที่สมบูรณ์แบบสำหรับเสริมนักเก็ตไก่และแม้แต่การทอดเป็นครั้งคราว ซอสเปรี้ยวหวานประกอบด้วยองค์ประกอบของผลไม้ เช่น รสพีชและแอปริคอต พร้อมด้วยน้ำส้มสายชู ซอสถั่วเหลือง และเครื่องเทศเล็กน้อย หลายคนอธิบายซอสนี้ว่าเป็น “รสชาติในวัยเด็กของพวกเขา” และเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเปิดซองเล็กๆ น้อยๆ พวกเขาจะรู้สึกเหมือนได้กลับไปสู่ช่วงเวลาที่เรียบง่าย กล่าวอีกนัยหนึ่ง McD's

11.ซอสค็อกเทลของ Long John Silver
ตอนนี้ได้เวลาเปลี่ยนไปใช้ซอสประเภท "ใต้ท้องทะเล" มากขึ้น นั่นคือซอสค็อกเทลของ Long John Silver โดยปกติสำหรับอาหารทะเล ซอสทาร์ทาร์เป็นซอสที่เลือกได้ แต่ที่ลอง จอห์น ซิลเวอร์ ซอสค็อกเทลนี่แหละที่ขโมยการแสดง มันเข้ากันได้ดีกับอะไรก็ได้จากทะเล และในบางกรณีก็ตลกดีกับไก่ด้วย Long John Silver เชี่ยวชาญด้านอาหารทะเลและปลา แต่ก็สามารถทำให้ไก่นุ่มได้ ด้วยรสชาติของผักดองที่เข้มข้น ซอสค็อกเทลของ LJS รับรองว่าจะคุ้มค่ากับเวลาของคุณและเงินของคุณอย่างแน่นอน แน่นอนว่าอาจไม่ใช่ซอสค็อกเทลที่ดีที่สุดในโลก แต่ก็ยังเป็นวิธีที่ค่อนข้างดีในการเปลี่ยนสิ่งต่างๆ เป็นครั้งคราว สำหรับประสบการณ์อาหารฟาสต์ฟู้ดที่ไม่เหมือนใคร ให้เลือกซอสค็อกเทลของลอง จอห์น ซิลเวอร์ แล้วชมต่อมรับรสของคุณต้องทึ่ง

10.เข้า-ออก พันเกาะ
เมื่อพูดถึง In-N-Out การไม่พูดถึงซอสซิกเนเจอร์ของ chain นั้นค่อนข้างยาก เรียกได้ว่าเป็นดาวเด่นของงานเลยก็ว่าได้และเป็นอีเวนท์หลักในรายการเมนูอร่อยๆ มากมาย แฟน ๆ ของเครือในแคลิฟอร์เนียรู้ว่าซอสเทาซันไอแลนด์ของ In-N-Out นั้นอร่อยและยอดเยี่ยมเพียงใด และหากคุณเคยเห็นเมนูลับที่ "ไม่ลับมาก" คุณจะรู้ว่า "สไตล์สัตว์" เหล่านี้น่ารับประทานเพียงใด ดูอาหาร คำสั่งของมันฝรั่งทอดราดด้วยสิ่งของหรือยัดไส้ในเบอร์เกอร์ฉ่ำ วิธีใดคือวิธีที่ถูกต้องในการเพลิดเพลินกับซอสเทาซันไอส์แลนด์ คุณยังสามารถสั่งซอสเพิ่มเล็กน้อยที่ด้านข้างและเก็บไว้ใช้ในภายหลังและนำความสนุกกลับบ้านได้ หรือดีกว่านั้น เลือกระหว่างตัวเลือกมากมายของสูตรเลียนแบบออนไลน์ และทำด้วยตัวเอง!

9. Popeyes Mardi Gras มัสตาร์ด
อีกหนึ่งรายการซอสจาก Popeyes ที่สมควรได้รับในรายการซอสอาหารจานด่วนที่ดีที่สุด มัสตาร์ด Mardi Gras ของ Popeyes เน้นย้ำถึงรากของ Cajun ของโซ่อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยกลิ่นโน๊ตที่น่ารื่นรมย์ของมัสตาร์ดผสมกับสิ่งที่ให้ความรู้สึกเหมือนมัสตาร์ดน้ำผึ้งแบบคลาสสิกที่เต็มไปด้วยพืชชนิดหนึ่ง คุณจะไม่มีวันผิดพลาด ร้อนกว่ามัสตาร์ดทั่วไปนิดหน่อย ไม่เพียงแต่เข้ากันได้ดีกับไก่เท่านั้น แต่ยังเป็นซอสที่เลือกรับประทานกับเคจันฟรายส์ที่ปรุงรสจัดหนักอีกด้วย โดยพื้นฐานแล้วมันเหมือนกับปาร์ตี้ Mardis Gras ทั้งหมด… แต่ในปากของคุณ! หากต้องการลองจุ่มน้ำผึ้งมัสตาร์ดแบบใหม่ ให้เลือกเวอร์ชันของ Popeyes; คุณจะไม่ผิดหวัง

8.ซอสม้าของ Arby
คุณคงรู้จักร้าน Arby's สำหรับแซนด์วิชเนื้อย่างขนาดยักษ์อันเป็นเอกลักษณ์ และแม้ว่าใช่ พวกมันน่าทึ่งมาก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ Arby รู้วิธีการทำได้ดี Arby's ยังสมควรได้รับการยอมรับในเรื่องซอส – โดยเฉพาะซอส Horsey ในแง่ของซอสที่เป็นเอกลักษณ์ Horsey นั้นไม่มีใครเทียบได้ แม้ว่าจะมีซอสฟาสต์ฟู้ดมากมายที่ปรุงด้วยพืชชนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่มีอะไรจะเทียบได้กับรสชาติของ Arby เวอร์ชันนี้เลย ซอสฮอร์สซีได้รับการอธิบายว่ามีความคมและอ่อนละมุนในเวลาเดียวกัน โดยมีความข้นคล้ายครีมคล้ายกับไอโอลีมะรุมฟาสต์ฟู้ด ซอสนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก โซ่เริ่มขายของข้างขวดด้วยซ้ำ พูดถึงซอสรสเด็ด! โอเค นี่อาจไม่เหมาะที่สุดสำหรับเฟรนช์ฟรายของคุณ แต่สำหรับอย่างอื่น มันเหมือนกับการจับคู่ที่เกิดขึ้นในสวรรค์

7.เคเอฟซี ฟิงเกอร์-ลิกกิน กู๊ด ซอส
เพื่อให้ได้ไก่ชั้นดีที่เลียนิ้วได้ KFC ควรเป็นที่หนึ่งของคุณ - ไม่ต้องถามคำถาม และกลายเป็นว่า ถ้าคุณต้องการซอสดีๆ ที่เลียนิ้วให้เข้ากับไก่ตัวนั้นด้วย คุณสามารถหยิบมันขึ้นมาได้ในที่ที่สะดวกเดียวกัน ซึ่งเป็นบ้านของถังลายทางขาว-แดง เปิดตัวในปี 2558 ซอส Finger-Lickin 'Good ของ KFC นั้นเหมือนกับว่า Thousand Island และฮันนี่มัสตาร์ดมีซอสลูกหลาน แม้ว่าจะถูกยกเลิกในปี 2020 แต่ก็ยังเป็นซอสที่ควรค่าแก่การสังเกต มายองเนสสูตรพิเศษนี้ทำจากสมุนไพรและเครื่องเทศที่มีชื่อเสียง 11 ชนิดของแบรนด์ น้ำมัน ไข่ น้ำส้มสายชู และมะเขือเทศ ได้ผลลัพธ์เป็นเนื้อครีม เข้ากันได้ดีกับมันฝรั่งทอดของ KFC และเนื้อไก่ น่าเสียดายที่เห็นซอส Finger-Lickin' Good ออกจากเมนู

6.ซอสบาร์บีคิว Sonic Drive-In
คุณอาจทราบแล้วว่าเมนูของ Sonic Drive-in นั้นเหมือนกับการมีหลายเมนูรวมกันเป็นหนึ่งเดียว คุณสามารถหาอะไรก็ได้เพื่อสนองความอยากสุดเหวี่ยงของคุณ ตั้งแต่เทเทอร์ ท็อตส์ เบอร์เกอร์ ไปจนถึงผักดองทอด ดูเหมือนจะไม่มีข้อจำกัดใดๆ และอะไรจะดีไปกว่าการสั่งอาหารที่แปลกประหลาดที่สุดของคุณ? ซอสบาร์บีคิวเก่า ๆ ที่ดี แต่ไม่เพียงแค่ซอสบาร์บีคิวใด ๆ ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของโซนิค ไม่มีอะไรที่เหนือชั้น ต่างจากเมนูอื่นๆ แต่ก็ยังอร่อยในความเรียบง่าย ทำมาจากส่วนผสมของซอสมะเขือเทศ ซอส Worcestershire น้ำ และน้ำส้มสายชูกลั่น หากคุณชอบซอสบาร์บีคิวแบบคลาสสิก คุณจะต้องชอบซอสนี้มากกว่า เท่าที่ซอสของโซนิคดำเนินต่อไป บาร์บีคิวเป็นผู้ชนะที่ชัดเจน

5.น้ำเกรวี่ Jollibee
สำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับ Jollibee คุณจะพลาดความอร่อยมากมาย Jollibee เป็นร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดของชาวฟิลิปปินส์ที่เชี่ยวชาญเรื่องไก่ทอด ซึ่งเป็นไก่แสนอร่อยที่อร่อยจนทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากต้องอับอาย ที่ Jollibee ไม่มีมัสตาร์ดน้ำผึ้งหรือซอสฟาร์มปศุสัตว์เรื่องไร้สาระ - ทั้งหมดเกี่ยวกับน้ำเกรวี่ น้ำเกรวี่หนาอุ่นที่คลุมไก่ของคุณอย่างดีที่สุด หากคุณเคยมี Jollibee มาก่อน คุณจะรู้ว่ามันรู้สึกอย่างไร เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจาก Chickenjoy, ของทอดหรือข้าว การทำให้ทุกอย่างในน้ำเกรวี่อิ่มตัวเป็นเคล็ดลับ น้ำเกรวี่ของ Jollibee เป็นหนึ่งในน้ำเกรวี่ฟาสต์ฟู้ดที่ดีที่สุดในตลาด เสิร์ฟร้อนๆ ในภาชนะขนาดใหญ่ คุณสามารถใส่ไก่ชิ้นใหญ่ มันฝรั่งทอด หรือมันบดที่ส้อมของคุณถือได้ สำหรับประสบการณ์น้ำเกรวี่ที่น่าจดจำ Jollibee คือร้านที่ต้องลอง

4.ซอส Zesty ของเบอร์เกอร์คิง
การแข่งขันระหว่างร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่พยายามจะเอาชนะกันและกันและนำเสนอน้ำจิ้ม สเปรด และน้ำเกรวี่ที่ดีที่สุดนั้นรุนแรงกว่าที่เคย หลายร้านมีซอส "Zesty" ในแบบของตัวเอง ตั้งแต่ White Castle ไปจนถึง Chick-fil-A แต่ยังไม่มีใครเทียบได้กับเวอร์ชันของ Burger King เช่นเดียวกับ Whopper เมื่อพูดถึงความเอร็ดอร่อย คุณไม่สามารถมองข้าม Burger King ได้ ซอส Zesty ของ BK เป็นซอสซิกเนเจอร์ของ chain และมักจะเสิร์ฟควบคู่ไปกับหัวหอม แต่บอกตามตรงว่าอันนี้เข้ากันได้ดีมากกับอะไรก็ได้ - ของทอด นักเก็ตไก่ ของทอด - อะไรก็ได้ ด้วยรายละเอียดรสชาติของมัน มันจึงอาจเปรียบได้กับซอสที่คุณพบในร้านขายไก่มากกว่าร้านเบอร์เกอร์ แต่เชื่อเราเถอะ ซอสนี้สมควรได้รับการเรียกเก็บเงินสูงสุดอย่างถูกต้อง

3.เวนดี้ครีมมี่ศรีราชา
จำย้อนกลับไปในช่วงกลางปี ​​2010 ที่ความนิยมของศรีราชาอยู่ที่ระดับสูงสุดตลอดกาลหรือไม่? ทุกคนต่างพูดถึงสิ่งของต่างๆ ร้านอาหารเริ่มกระโดดโลดเต้นและเริ่มใส่ศรีราชาในเมนูของพวกเขา เวนดี้ส์เป็นหนึ่งในนั้น และความคลั่งไคล้ศรีราชานี้ได้ให้กำเนิดหนึ่งในซอสที่ดีที่สุดที่เครือร้านเคยผลิตออกมา นั่นคือซอสครีมศรีราชาของพวกเขา Creamy Sriracha นำเสนอส่วนผสมที่ลงตัวของเนื้อครีมและความร้อน ทำจากซอสศรีราชาและส่วนผสมของไข่และน้ำส้มสายชู เช่นเดียวกับที่คุณพบในไอโอลี บางคนเรียกมันว่า “มายองเนสรสเผ็ด” และถึงแม้ว่ามันจะคล้ายกัน แต่ก็มีรสชาติที่ไม่สามารถเทียบได้กับมายองเนสเพียงอย่างเดียว ซอสแสนอร่อยนี้ทำแม้กระทั่งแซนวิชไก่ศรีราชาของเวนดี้และเบคอนศรีราชาเบคอนทอด เมื่อห่วงโซ่เห็นการตอบสนองอย่างท่วมท้นที่ผู้คนมีต่อซอสรสเผ็ด แม้กระแสศรีราชาจะจางลงเล็กน้อย Wendy's Creamy Sriracha Sauce ก็ไม่หายไปไหน!

2. Carl's Jr. Sweet & Bold BBQ
เนื่องจากซอสบาร์บีคิวเป็นแบบคลาสสิกที่อร่อยมาก เราจึงต้องมีซอสอื่นในรายการนี้ เฉพาะครั้งนี้เท่านั้น มันคือซอสบาร์บีคิว Sweet & Bold จาก Carl's Jr. ตรงกันข้ามกับร้านฟาสต์ฟู้ดอื่น ๆ มากมายที่นี่ Carl's Jr. ไม่มีทางเลือกมากมายเมื่อพูดถึงน้ำจิ้ม มันชอบทำสิ่งต่าง ๆ ให้เรียบง่ายและเสนอตัวเลือกที่จำกัดมากเท่านั้น แต่ทุกอย่างก็น่าทึ่ง โดยเฉพาะซอสบาร์บีคิว Sweet & Bold ได้รับคะแนนมากมายในแผนกรสชาติ มีมะเขือเทศเข้มข้นและรส Worcestershire พร้อมกับรสหวานและน้ำตาลที่ช่วยให้โดดเด่นจากซอสบาร์บีคิวที่เหลือ เห็นได้ชัดว่ามันเข้ากันได้ดีกับทุกสิ่งที่คุณสั่งที่ Carl's Jr. ไม่ว่าจะเป็นเนื้อไก่หรือมันฝรั่งทอด

1.ซอส Chick-fil-A
ซอสของ Chick-fil-A เป็นที่นิยมอย่างมากในห่วงโซ่อาหาร สมควรได้รับเหรียญรางวัล คุณรู้ไหม มีเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Chick-fil-A เป็นหนึ่งในร้านไก่ที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในประเทศ - ทุกอย่างที่นำเสนอนั้นมีคุณภาพสูงสุด และซอสก็ไม่มีข้อยกเว้น โซ่นี้มีลัทธิตามลัทธิและซอสที่เป็นเอกลักษณ์ของมันเช่นกัน อธิบายว่าเป็น “น้ำจิ้มมัสตาร์ดรมควัน” ซอสในตำนานนี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญเมื่อพนักงานในยุค 1980 รวมซอสบาร์บีคิวและมัสตาร์ดน้ำผึ้ง ทั้งหมดที่เราสามารถพูดได้คือ ขอบคุณพระเจ้าที่พวกเขาทำ ด้วยรสชาติที่เข้มข้นของมัสตาร์ดน้ำผึ้งและความหนาเหมือนไอโอลี ซอสของ Chick-fil-A จะเกาะติดกับนักเก็ต แถบ และแม้แต่วาฟเฟิลฟรายส์ที่เป็นสัญลักษณ์อย่างดีที่สุด มันคือน้ำผึ้งมัสตาร์ด 2.0 ในทางปฏิบัติ และเหมือนกับมัสตาร์ดน้ำผึ้งทั่วไป ทำให้ทุกอย่างที่สัมผัสมีรสชาติดีขึ้น ในปี 2020 ความฝันของลูกค้าจำนวนมากเป็นจริงเมื่อ Chick-fil-A ประกาศว่าพวกเขาจะเริ่มขายซอสเปรี้ยวข้างขวดในร้านขายของชำในฟลอริดา ไม่จำเป็นต้องพูดว่าแฟน ๆ Chick-fil-A เป็นผู้ชนะด้วยการประกาศนี้

10 อันดับร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในอเมริกา
ไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรือชอบอะไร การรับประทานอาหารนอกบ้านก็เป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานเสมอ และบอกตามตรงว่าการทานอาหารในร้านอาหารกับเพื่อน ครอบครัว หรือแม้แต่ทานคนเดียวเป็นสิ่งที่ขาดหายไปเล็กน้อยในตอนนี้ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นนักชิมหรือจะเพียงแค่กินทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า นี่คือ 10 สุดยอดร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในอเมริกา!

10.ประตูสีชมพู
ประตูสีชมพูเปิดขึ้นในปี 1981 และแม้ว่าจะซ่อนอยู่ในตรอก แต่เดิมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นความลับ Jackie Roberts ผู้ก่อตั้งตั้งใจจะให้มีป้ายนีออนสีชมพูสดใส แต่น่าเสียดายที่ความคิดนั้นถูกยิงทิ้งไปเพราะว่ากันว่าอาจเป็นการรบกวนผู้ที่อยู่ในซอย ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจที่จะไม่มีป้ายเลย ซึ่งทำให้พิเศษยิ่งขึ้นไปอีก แนวคิดดั้งเดิมของร้านอาหารนี้มาจากตอนที่แจ็กกี้กำลังเตรียมงานจัดเลี้ยงภายในอาคาร ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นร้านขายเครื่องดนตรี ต่อมาเป็นร้านขายงานไม้ และห้องบิงโก ระหว่างทำงาน แจ็กกี้เห็นประตูเล็กๆ ที่นำไปสู่ซอย เธอเปิดมันและรู้ทันทีว่าเธอต้องการให้ร้านอาหารของเธอตั้งอยู่ตรงนั้น สี่สิบปีต่อมาและร้านอาหารยังคงเปิดดำเนินการอยู่ แต่, สิ่งที่ทำให้ร้านนี้พิเศษกว่านั้นไม่ใช่อาหาร แม้ว่าอาหารจะค่อนข้างอร่อย แต่ความจริงที่ว่าโต๊ะที่นี่มาพร้อมกับอาหารค่ำและการแสดง ห้องอาหารเต็มไปด้วยนักเล่นทางอากาศที่ประดับด้วยเลื่อม ทำให้ลูกค้าต้องตะลึงกับเปลญวน ห่วงและชิงช้า สำหรับบรรดาของคุณที่ชอบรับประทานอาหารในตอนเช้า มีเครื่องอ่านไพ่ทาโรต์ในสถานที่เพื่อตอบคำถามที่คุณอาจมี จากนั้นในตอนเย็น บาร์และเลานจ์จะกลายเป็นคาบาเร่ต์ที่มีวงดนตรีและนักแสดงล้อเลียนขึ้นเวที ประตูสีชมพูเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายว่าเป็นประตูคลาสสิกของซีแอตเทิล และหากคุณเคยอยู่ในพื้นที่นี้ คุณควรลองแวะไปดู สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าด้วยเปลญวน ห่วง และชิงช้า สำหรับบรรดาของคุณที่ชอบรับประทานอาหารในตอนเช้า มีเครื่องอ่านไพ่ทาโรต์ในสถานที่เพื่อตอบคำถามที่คุณอาจมี จากนั้นในตอนเย็น บาร์และเลานจ์จะกลายเป็นคาบาเร่ต์ที่มีวงดนตรีและนักแสดงล้อเลียนขึ้นเวที ประตูสีชมพูเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายว่าเป็นประตูคลาสสิกของซีแอตเทิล และหากคุณเคยอยู่ในพื้นที่นี้ คุณควรลองแวะไปดู สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าด้วยเปลญวน ห่วง และชิงช้า สำหรับบรรดาของคุณที่ชอบรับประทานอาหารในตอนเช้า มีเครื่องอ่านไพ่ทาโรต์ในสถานที่เพื่อตอบคำถามที่คุณอาจมี จากนั้นในตอนเย็น บาร์และเลานจ์จะกลายเป็นคาบาเร่ต์ที่มีวงดนตรีและนักแสดงล้อเลียนขึ้นเวที ประตูสีชมพูเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายว่าเป็นประตูคลาสสิกของซีแอตเทิล และหากคุณเคยอยู่ในพื้นที่นี้ คุณควรลองแวะไปดู

9.โอเชียน่ากริลล์
Oceana Grill ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดในนิวออร์ลีนส์ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักชิมทุกคนไม่ควรพลาด ร้านอาหารเช้าที่เปิดให้บริการตลอดวันแห่งนี้ตั้งอยู่ในใจกลางย่าน French Quarter เป็นที่เลื่องลือของร้านปูที่โด่งดังไปทั่วโลก นอกจากนี้ Oceana Grill ยังมีอาหารครีโอลและเคจุนที่ดีที่สุดในนิวออร์ลีนส์ เช่น ไข่เจียวซีฟู้ด โป-บอยกุ้งทอด กระเจี๊ยบที่ได้รับรางวัล และหอยนางรมสด! พนักงานที่รวดเร็วและอัธยาศัยดีรอการมาถึงของคุณที่ Oceana Grill เพื่อออกไปสังสรรค์ในยามเย็น แต่บางทีสิ่งที่น่าสนใจที่สุดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับร้านอาหารแห่งนี้ก็คือการที่ร้านอาหารนี้เคยให้ความสำคัญกับ Kitchen Nightmares ซึ่งจัดโดย Gordon Ramsay คุณรู้ไหมว่ารายการที่เขาไปร้านอาหารและทำงานร่วมกับเจ้าของเพื่อแก้ไขสถานที่? แน่นอน เพราะนี่คือเรียลลิตี้ทีวี และเนื่องจากเป็นพิธีกรโดย Gordon Ramsay จึงมีการแสดงละคร การสบถ และการตะโกนมากมาย อย่างไรก็ตาม ละครที่แสดงบนหน้าจอไม่ได้มีเหตุผลเสมอไปตามที่ร้านอาหารระบุ Oceana Grill จบลงด้วยการฟ้องร้อง Ramsay และโปรดิวเซอร์รายการ – ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่สองครั้ง! ครั้งหนึ่งต้องหยุดออกอากาศตอนและอีกเรื่องหมิ่นประมาทหลังจากคลิป "แรมเซย์อาเจียนเพราะกุ้ง" อันโด่งดังเริ่มวนเวียนในอินเทอร์เน็ต Ramsay อ้างว่า Gumbo ที่มีชื่อเสียงนั้นน่าขยะแขยง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อชื่อเสียงของร้านอาหาร แต่วันนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดในอเมริกา ดังนั้นเราจึงสามารถพูดได้ว่า Oceana Grill ได้รับความยุติธรรมที่สมควรได้รับ Oceana Grill จบลงด้วยการฟ้องร้อง Ramsay และโปรดิวเซอร์รายการ – ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่สองครั้ง! ครั้งหนึ่งต้องหยุดออกอากาศตอนและอีกเรื่องหมิ่นประมาทหลังจากคลิป "แรมเซย์อาเจียนเพราะกุ้ง" อันโด่งดังเริ่มวนเวียนในอินเทอร์เน็ต Ramsay อ้างว่า Gumbo ที่มีชื่อเสียงนั้นน่าขยะแขยง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อชื่อเสียงของร้านอาหาร แต่วันนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดในอเมริกา ดังนั้นเราจึงสามารถพูดได้ว่า Oceana Grill ได้รับความยุติธรรมที่สมควรได้รับ Oceana Grill จบลงด้วยการฟ้องร้อง Ramsay และโปรดิวเซอร์รายการ – ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่สองครั้ง! ครั้งหนึ่งต้องหยุดออกอากาศตอนและอีกเรื่องหมิ่นประมาทหลังจากคลิป "แรมเซย์อาเจียนเพราะกุ้ง" อันโด่งดังเริ่มวนเวียนในอินเทอร์เน็ต Ramsay อ้างว่า Gumbo ที่มีชื่อเสียงนั้นน่าขยะแขยง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อชื่อเสียงของร้านอาหาร แต่วันนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดในอเมริกา ดังนั้นเราจึงสามารถพูดได้ว่า Oceana Grill ได้รับความยุติธรรมที่สมควรได้รับ

8.บริษัท ซานตาบาร์บาร่าหอย
บริษัท Santa Barbara Shellfish Company ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2523 เพื่อเป็นแหล่งซื้อกุ้งล็อบสเตอร์และหอยเป๋าฮื้อในท้องถิ่น หลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาความเชี่ยวชาญในด้านสัตว์น้ำที่มีเปลือกแข็ง กุ้ง และอาหารทะเลอื่นๆ ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ในซานตาบาร์บารา (ไม่น่าแปลกใจ) ที่ท่าเรือ Stearns Wharf จึงไม่เพียงให้ทัศนียภาพที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังให้บริการอาหารทะเลสดอีกด้วย ในช่วงก่อนเกิดโรคระบาด ร้านอาหารแห่งนี้ได้รับความนิยมมากจนคุณต้องรอเกือบครึ่งชั่วโมงจึงจะได้โต๊ะ ร้านอาหารได้เปลี่ยนไปเพื่อรองรับมาตรการระบาดและขณะนี้มีที่นั่งกลางแจ้ง – รวมเครื่องทำความร้อน! สำหรับบรรดาของคุณที่ชอบวิธีการแบบหยิบแล้วไปก็ยังมีตัวเลือกหน้าต่างด้านข้างเพื่อสั่งซื้อจาก หากคุณต้องการทานอาหารนอกบ้าน ก็มีที่นั่งแบบบาร์ซึ่งให้ทัศนียภาพอันงดงามของมหาสมุทร เมนูนี้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของมหาสมุทรตั้งแต่เค้กปูไปจนถึงทาโก้กุ้งไปจนถึงพาสต้ากุ้งก้ามกราม หากคุณไม่ไว้วางใจเรา สิ่งที่คุณต้องทำคืออ่านรีวิวของร้านอาหารบางส่วน ลูกค้ารายหนึ่งบอกว่าหัวหอมใหญ่ของพวกเขาอร่อยที่สุดที่เคยมีมา! เกล็ดและทอดจนสุกและไม่ชุบเกล็ดขนมปังมากเกินไป อีกคนหนึ่งกล่าวว่าหอยนางรมเป็นสิ่งที่ต้องสั่ง นี่คือหอยนางรมที่มีซอสค็อกเทล มะนาว และชีส Parmesan ขูดด้านบน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม คุณสามารถมั่นใจได้ว่าออเดอร์ของคุณจะสดและอร่อย อีกคนหนึ่งกล่าวว่าหอยนางรมเป็นสิ่งที่ต้องสั่ง นี่คือหอยนางรมที่มีซอสค็อกเทล มะนาว และชีส Parmesan ขูดด้านบน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม คุณสามารถมั่นใจได้ว่าออเดอร์ของคุณจะสดและอร่อย อีกคนหนึ่งกล่าวว่าหอยนางรมเป็นสิ่งที่ต้องสั่ง นี่คือหอยนางรมที่มีซอสค็อกเทล มะนาว และชีส Parmesan ขูดด้านบน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม คุณสามารถมั่นใจได้ว่าออเดอร์ของคุณจะสดและอร่อย

7.ฟ้าสวรรค์
บลูเฮเว่นได้รับการอธิบายว่ามีอาหารสดและบรรยากาศแบบเขตร้อน ไม่เพียงแต่ให้บริการอาหารที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องราวดีๆ ที่ควรค่าแก่การบอกเล่าอีกด้วย Blue Heaven เปิดออกโดยสองวิญญาณอิสระที่ประกาศตัวเอง: Suanne และ Richard ศิลปินและนักเขียน เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2535 พวกเขาปรุงอาหารและเสิร์ฟถั่วดำ ข้าว และปลาให้กับลูกค้ากลุ่มแรก ซึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะปิกนิกที่ทาสีไว้ใต้ต้นอัลมอนด์เขตร้อนซึ่งอยู่ในพื้นที่รับประทานอาหารของร้านอาหาร ร้านอาหารตั้งอยู่ในอาคารที่มีอายุกว่าร้อยปี Blue Haven เริ่มสั่นคลอน วันแล้ววันเล่า Suanne และ Richard เห็นยอดขายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หลังจากที่แดนซึ่งเป็นพ่อครัวของริชาร์ด น้องชายของริชาร์ดมาช่วย สิ่งต่างๆ ก็เริ่มมองหาอย่างรวดเร็ว วันนี้ร้านอาหารเป็นหนึ่งในจุดที่ทำให้คีย์เวสต์มีความพิเศษ มีบรรยากาศแปลกตา ประดับด้วยไม้พุ่มเขตร้อนและงานศิลปะชั่วคราว นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในจุดบรันช์ที่ดีที่สุดของคีย์เวสต์ด้วยเมนูมังสวิรัติและอาหารทะเลที่ส่งตรงจากท่าเรือ อาหารจานโปรดในท้องถิ่นมีทั้งเมนูที่ปรุงจากกุ้งล็อบสเตอร์ เช่น ชีสย่างล็อบสเตอร์และล็อบสเตอร์เบเนดิกต์ และส่วนที่ดีที่สุด: ไก่และแมวเดินเตร่ไปทั่วสถานที่ ทำให้ประสบการณ์การรับประทานอาหารของคุณเบาลงเล็กน้อย แต่ไม่ว่าจะขี้เล่นแค่ไหน อาหารที่ Blue Heaven ก็อร่อยเสมอ! ไก่และแมวเดินเตร่ไปทั่วสถานที่ ทำให้ประสบการณ์การรับประทานอาหารของคุณเบาลงเล็กน้อย แต่ไม่ว่าจะขี้เล่นแค่ไหน อาหารที่ Blue Heaven ก็อร่อยเสมอ! ไก่และแมวเดินเตร่ไปทั่วสถานที่ ทำให้ประสบการณ์การรับประทานอาหารของคุณเบาลงเล็กน้อย แต่ไม่ว่าจะขี้เล่นแค่ไหน อาหารที่ Blue Heaven ก็อร่อยเสมอ!

6.วูดูโดนัท
Voodoo Donut เชี่ยวชาญด้านโดนัทที่แปลกและแหวกแนว ซึ่งไม่ใช่ร้านขนมทุกร้านที่ทำ ซึ่งอาจเป็นเพราะเหตุใดจึงมีลัทธิดังต่อไปนี้ ก่อตั้งขึ้นในพอร์ตแลนด์ในทศวรรษ 2000 สมองทั้งสองที่รับผิดชอบ Voodoo Donut คือ Kenneth “Cat Daddy” Pogson และ Tres Shannon ทั้งสองตระหนักว่าไม่มีร้านโดนัทในตัวเมืองพอร์ตแลนด์ ดังนั้นในปี 2546 พวกเขาจึงเช่าหน้าร้านที่มีรูในผนังและบอกเพื่อนและครอบครัวว่าพวกเขามุ่งหวังที่จะครอบครองโดนัททั่วโลก พวกเขาเริ่มต้นด้วยการผสมผสานของรสชาติคลาสสิกและแปลกใหม่ และผู้คนก็มีเสน่ห์มากจนภายในหนึ่งเดือนหลังจากเปิดร้าน ร้านค้าได้รับการกล่าวถึงครั้งแรกในสื่อระดับประเทศ จนถึงปัจจุบัน Voodoo Donut ได้รับการนำเสนอใน MTV, Good Morning America, The Today Show, The Tonight Show, Wheel of Fortune, Portlandia และ Grimm รวมถึงรายการอื่น ๆ ณ ปี 2563 Voodoo Donut ได้ขยายเป็น 9 แห่งในห้ารัฐ ทำไมผู้คนถึงรัก Voodoo Donut มาก? คำตอบที่ง่ายที่สุดคือโดดเด่นจากฝูงชน ทำไมต้องมีช็อกโกแลตโดนัทแบบคลาสสิกในเมื่อคุณสามารถมี Froot Loops ได้? แต่ถึงแม้ว่าจะมีโดนัทที่สร้างสรรค์ แต่บริษัทนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่อ่อนไหวและทำการตลาดโดยอิงจากศาสนาของชนกลุ่มน้อย ดังนั้น ถ้าคุณต้องการหาอะไรกินจากที่นี่ เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง บริษัทนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่อ่อนไหวและทำการตลาดโดยยึดหลักศาสนาของชนกลุ่มน้อย ดังนั้น ถ้าคุณต้องการหาอะไรกินจากที่นี่ เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง บริษัทนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่อ่อนไหวและทำการตลาดโดยยึดหลักศาสนาของชนกลุ่มน้อย ดังนั้น ถ้าคุณต้องการหาอะไรกินจากที่นี่ เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง

5.บลูเบิร์ด คาเฟ่
The Bluebird Cafe เป็นคลับดนตรีในเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี เปิดในปี 1982 และผู้คนหลั่งไหลเข้ามาทางประตูตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตำแหน่งนั้นไม่สงสัย ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าแถบเล็ก ๆ นอกตัวเมืองแนชวิลล์ แต่เมื่อคุณเข้าไปข้างในแล้ว คุณจะเข้าสู่โลกแห่งแสงไฟตามอารมณ์ ป่าไม้ที่มืดมิด และเสียงอันไพเราะ ก่อนที่มันจะถูกทำให้เป็นหนึ่งในสถานที่แสดงดนตรีในแนชวิลล์ Bluebird Cafe เป็นที่ตั้งของห้องเล่นเกม บาร์ ร้านพิซซ่า ร้านขายจักรเย็บผ้า และร้านขายยา พูดคุยเกี่ยวกับความเก่งกาจ! เมื่อผู้ก่อตั้ง Amy Kurland ซื้อมัน เดิมทีเธอตั้งใจจะเปลี่ยนให้เป็นร้านอาหารรสเลิศที่ลูกค้าจะได้ฟังดนตรีสดเป็นครั้งคราว ดังนั้น ภายหลัง เธอได้เพิ่มเวที โดยไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบต่ออนาคตของเธออย่างไร ภายในเดือนมีนาคมปี 1983 Kathy Mattea หนึ่งในนักดนตรีประจำของ Bluebird ได้ลงบันทึกข้อตกลง หลังจากนั้นก็กลายเป็นที่รู้จักว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับนักดนตรีหน้าใหม่ที่จะเล่น และที่เหลือก็เป็นประวัติศาสตร์ ในช่วงเวลานั้น Bluebird Cafe มีดารามากมาย เช่น Garth Brooks, LeAnn Rimes, Keith Urban และ Taylor Swift แต่ถึงแม้จะมีชื่อเสียงด้านดนตรีมากกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอาหารที่ดี – แซนด์วิช Nashville Dip และ Fried Chicken Mozzarella Sandwich เป็นของในตำนานอย่างแน่นอน

4.อาหารกลางวันของหลุยส์
สถานที่นี้ดีมากโดยพื้นฐานแล้วคิดค้นแฮมเบอร์เกอร์! ไม่จริงจัง: Louis 'Lunch อ้างว่าเป็นแหล่งกำเนิดของแฮมเบอร์เกอร์ แม้ว่าจะมีสถานประกอบการอื่นๆ มากมายที่อ้างสิทธิ์แบบเดียวกัน แต่นี่เป็นสถานประกอบการเพียงแห่งเดียวที่ได้รับการสนับสนุนจากหอสมุดแห่งชาติ ปล่อยให้จมลงไปสักครู่ Louis' Lunch ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2438 โดย Louis Lassen ช่างตีเหล็กด้วยการค้าขายและนักเทศน์โดยอาชีพ ในปี พ.ศ. 2429 เขาอพยพจากเดนมาร์กไปยังนิวเฮเวน ซึ่งเขาได้กลายเป็นพ่อค้าเร่ขายอาหาร ในที่สุด แทนที่จะขายวัตถุดิบอย่างไข่และเนย เขาเริ่มขายอาหารกลางวันอย่างแซนวิช ตามรายงานของ Louis' Lunch แฮมเบอร์เกอร์ตัวแรกถูกสร้างขึ้นในปี 1900 เป็นเวลา 15 ปีหลังจากที่ Lassen เริ่มต้นธุรกิจของเขา ลูกค้ารีบไปขออาหารกลางวันโดยอ้างว่า “หลุย! ฉันกำลังรีบ ตบลูกชิ้นเนื้อระหว่างแผ่นไม้สองแผ่นแล้วเหยียบมัน!” เช่นเดียวกับจิตใจที่ใจดีของเขา Lassen จำเป็นต้องทำและแซนวิชร้อนก็ถือกำเนิดขึ้น 17 ปีต่อมา หลุยส์ย้ายจากการขายอาหารกลางวันบนถนนมาที่อาคารอิฐที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นโรงฟอกหนัง แต่ Louis' Lunch ไม่เพียงแต่ขายเบอร์เกอร์ ไม่ ไม่ มันยังเสิร์ฟสลัดมันฝรั่งและพายแสนอร่อยอีกด้วย ความจริงที่ว่าอาจเป็นบ้านเกิดของแฮมเบอร์เกอร์หมายความว่าที่นี่เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในสหรัฐอเมริกาและเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในนิวเฮเวนคอนเนตทิคัต มันยังเสิร์ฟสลัดมันฝรั่งและพายแสนอร่อยอีกด้วย ความจริงที่ว่าอาจเป็นบ้านเกิดของแฮมเบอร์เกอร์หมายความว่าที่นี่เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในสหรัฐอเมริกาและเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในนิวเฮเวนคอนเนตทิคัต มันยังเสิร์ฟสลัดมันฝรั่งและพายแสนอร่อยอีกด้วย ความจริงที่ว่าอาจเป็นบ้านเกิดของแฮมเบอร์เกอร์หมายความว่าที่นี่เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในสหรัฐอเมริกาและเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในนิวเฮเวนคอนเนตทิคัต

3. Joe's Stone Crab
Joe's Stone Crab ตั้งอยู่ที่หาดไมอามี่ รัฐฟลอริดา เปิดโดย Joe Weiss ในปี 1913 ไวส์ย้ายจากนิวยอร์กโดยหวังว่าจะบรรเทาอาการหอบหืดของเขา และในขณะที่เราไม่สามารถพูดได้ว่าอากาศในฟลอริดาช่วยปอดของเขาได้ แต่ก็ช่วยให้เริ่มต้นได้ทันท่วงที ธุรกิจของเขา สิ่งที่เริ่มต้นจากการที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าการรับประทานอาหารกลางวันบนถนนลูกรังริมชายหาดกลายเป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกา แม้ว่าร้านอาหารในปัจจุบันจะเรียกว่า Joe's Stone Crab แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป ในความเป็นจริง สถานที่นี้ไม่ได้เริ่มคิดที่จะขายปูหินจนกระทั่งปี 1921 เมื่อนักวิทยาศาสตร์ (นั่นคือคนที่ศึกษาเรื่องปลา) นำปูหินไปหาโจเพื่อดูว่าพวกมันกินได้หรือไม่ วันนี้ Joe's เป็นผู้ซื้อก้ามปูหินฟลอริดารายใหญ่ที่สุดและมีบทบาทอย่างมากในอุตสาหกรรมนี้! ที่นี่ไม่เพียงแต่ขึ้นชื่อเรื่องปูยักษ์เท่านั้น แต่ก็มีการกล่าวถึงในสื่อหลายครั้งเช่นกัน เป็นจุดเด่นในภาพยนตร์ปี 1985 เรื่อง The Mean Season เช่นเดียวกับในนวนิยายเรื่องนิ้วทอง ที่ซึ่งเจมส์ บอนด์กินอาหารที่ดีที่สุดที่เขาเคยทานในชีวิต มันถูกอ้างอิงเป็นประจำโดย Golden Girls ไม่ต้องพูดถึง คนดังมากมายต่างแวะเวียนมาหาปู รวมทั้ง Amelia Earhart และ Jennifer Lopez ในปี 2019 Joe's Stone Crab เป็นร้านอาหารอิสระที่ทำรายได้สูงสุดในสหรัฐอเมริกาด้วยเงิน 38.4 ล้านดอลลาร์ ตอนนี้ปูเยอะมาก! รวมทั้ง Amelia Earhart และ Jennifer Lopez ในปี 2019 Joe's Stone Crab เป็นร้านอาหารอิสระที่ทำรายได้สูงสุดในสหรัฐอเมริกาด้วยเงิน 38.4 ล้านดอลลาร์ ตอนนี้ปูเยอะมาก! รวมทั้ง Amelia Earhart และ Jennifer Lopez ในปี 2019 Joe's Stone Crab เป็นร้านอาหารอิสระที่ทำรายได้สูงสุดในสหรัฐอเมริกาด้วยเงิน 38.4 ล้านดอลลาร์ ตอนนี้ปูเยอะมาก!

2.มอน อามี กาบี
ร้านอาหารสไตล์บิสโตรสไตล์ฝรั่งเศสที่อบอุ่นและเป็นกันเองแห่งนี้ประกอบด้วยรีวิวกว่า 17,000 รายการจาก TripAdvisor กว่า 17,000 รายการ เป็นสถานที่ยอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งในลาสเวกัสสตริป ลูกค้าหลั่งไหลไปกับวิวที่สวยงาม อาหารที่ยอดเยี่ยม และบริการที่น่าตื่นตาตื่นใจ แนวคิดของร้านอาหารแห่งนี้เป็นผลมาจาก Rich Melman ผู้ก่อตั้ง รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารชั้นเลิศชื่อ Ambria เขาสนุกกับความรู้สึกของร้านอาหารฝรั่งเศสแบบสบายๆ และเขาคิดว่ามันเป็นสิ่งที่คนอื่นควรได้รับเช่นกัน ดังนั้น Mon Ami Gabi จึงถูกสร้างขึ้นด้วยการเปิดสถานที่แรกในย่านลินคอล์นพาร์คในชิคาโก อิลลินอยส์ Mon Ami Gabi แปลว่า "เพื่อนของฉัน Gabi" Gabi ที่เป็นปัญหาคือ Gabino Sotelino พ่อครัวที่ทำงานร่วมกับผู้ก่อตั้ง ในปี 2560 Mon Ami Gabi ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในร้อยร้านอาหารชั้นนำของประเทศ ร้านอาหารมียอดขาย 17.2 ล้านเหรียญสหรัฐและให้บริการอาหารประมาณ 300,000 มื้อ! Gabi ทำงานเป็นหัวหน้าพ่อครัวของร้านอาหารพร้อมกับ Mark Sotelino ลูกชายของเขา ในปี พ.ศ. 2564 Mon Ami Gabi มีสถานที่ตั้ง 5 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา รวมทั้งในโอ๊คบรู๊ค อิลลินอยส์ เรสตัน เวอร์จิเนีย และเบเทสดา รัฐแมริแลนด์

1.บานหน้าต่าง & Vino
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดคือ Pane & Vino ร้านอาหารอิตาเลียนที่มีรีวิวระดับ 5 ดาวเกือบสมบูรณ์แบบบน TripAdvisor และติดอันดับร้านอาหาร #1 ในไมอามี่บีช ตั้งอยู่ในฟลอริดา Pane & Vino เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่มีคนพูดถึงมากที่สุดและด้วยเหตุผลที่ดี ส่วนใหญ่เป็นที่รู้จักสำหรับพาสต้าโฮมเมดสดใหม่ แต่ยังสำหรับพนักงานที่ดีและยินดีต้อนรับ ลูกค้าต่างชื่นชมในการบริการที่เอาใจใส่ของร้านอาหารและทีรามิสุอันเป็นสัญลักษณ์ ซึ่งเป็นของหวานที่คุณจำเป็นต้องได้รับหากคุณเคยไปที่นั่น บรรยากาศมืดและอบอุ่นด้วยโคมไฟอันวิจิตรที่ห้อยลงมาจากเพดาน นักวิจารณ์คนหนึ่งถึงกับเรียกสถานที่นี้ว่าโรแมนติกเนื่องจากผู้คนและบรรยากาศที่อบอุ่น นอกจากนี้ เจ้าของพร้อมเสมอในกรณีที่คุณต้องการอะไร ลูกค้าอีกรายอ้างว่าคุณสามารถชมพ่อครัวเตรียมพาสต้าทำมือที่หน้าต่างด้านหน้าของร้านอาหาร เพิ่มความรู้สึกของอาหารอิตาเลียนแท้ๆ บริการเป็นกันเองและอาหารไม่เกินราคา! นอกจากนี้ สำหรับใครก็ตามที่มีข้อจำกัดด้านอาหาร เรามีข่าวดีมาบอกหนุ่มๆ ร้านอาหารแห่งนี้มีตัวเลือกมังสวิรัติและปราศจากกลูเตนมากมาย ซึ่งหมายความว่ามีบางอย่างสำหรับทุกคน!

Popular Posts