“ท่ามกลางสงครามจะไม่มีใครต้องต่อสู้โดยลำพัง” สโลแกนสุดเด็ดดวงของ“Call of Duty” เกมคุณภาพคับกล่องที่เคยได้รับรางวัลเกมยอดเยี่ยมจากหลายสำนักเมื่อปีที่ผ่านมา จนทีมพัฒนา “อินฟีนิตี้ วาร์ด” ได้รับคารวะงามๆจากแฟนเกมทั่วโลกถึงความมันสะใจ ยกเป็นเกมแนวมุมมองบุคคลที่หนึ่งช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในอ้อมใจไปอีกเกม
ผ่านไป 1 ปี ภาคเสริมของ “Call of Duty” ก็โผล่ออกมาให้ทุกคนได้กราดกระสุนกันในชื่อ “Call of Duty: United Offensive” แต่โอนถ่ายหน้าที่ในการพัฒนาให้กับ “เกรย์ แมทเทอร์ อินเตอร์แอคทีฟ สตูดิโอ” สานต่อแทนด้วยเอ็นจิ้นเดิม Quake 3 ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนตัวคนพัฒนาเป็นอีกชุดหนึ่ง ตัวเกมก็ยังคงความมันไว้ดังเดิม กลิ่นไอแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกถ่ายทอดออกมาให้ผู้เล่นได้สัมผัสเหมือนกำลังชมภาพยนตร์เรื่อง “แบนด์ ออฟ บราเธอร์” อยู่เลยทีเดียว ด้วย 11 ภารกิจใหม่ ที่ผู้เล่นไม่มีวันฉายเดี่ยวได้เพียงลำพังโดยปราศจากเพื่อนร่วมทีม
ด้านลักษณะการเล่น การบังคับ เมนูบนหน้าจอเหมือนกับภาคปกติ มีเข็มทิศที่อยู่มุมซ้ายบอกตำแหน่งเป้าหมายภารกิจด้วยสัญลักษณ์ดาวสีทอง ถัดมาเป็นเครื่องหมายสามเหลี่ยมบอกท่าทางของคุณ ไม่ว่าจะย่อตัว ,หมอบ หรือ ยืน ส่วนจอขวาแสดงแถบพลังชีวิตและจำนวนกระสุน หากต้องการตรวจสอบภารกิจให้กด Tab ค้างไว้
เกมนี้ให้คุณเล่นเป็นฝ่ายพันธมิตร 3 ชาติด้วยกัน คือ ทหารพลร่มอเมริกา ,หน่วยคอมมานโด SAS ของอังกฤษ และพลทหารราบชาวโซเวียต ทั้งหมดต้องต่อกรกับพวก “นาซี” เยอรมัน เมื่อเริ่มต้นเกมผู้เล่นจะสวมบทบาทเป็น “สิบโทสก็อต ไรเลย์” ประจำหน่วยจู่โจม 101 อยู่ที่ Bastogne ฉากแรกคุณจะต้องต่อสู้ท่ามกลางสภาพอากาศที่เป็นหิมะใน "ศึกบัลจ์" หรือ "รถถังประจัญบาน" ซึ่งเป็นการรบภาคพื้นดินครั้งใหญ่ที่สุดในสงครามโลกครั้งที่ 2
ภารกิจในเกมแต่ละด่านนั้นต้องดำเนินตามเส้นทางที่เกมวางไว้เป๊ะๆ ซึ่งยังคงขาดอิสระในการเดินไปมาเหมือนเกม “Far Cry” ประตูแต่ละบานในเกมผู้เล่นก็ไม่สามารถเปิดเองได้ต้องรอเพื่อนทหารเป็นผู้กรุยทางให้ และแทบทุกภารกิจที่อยู่บนพาหนะต่างๆสำหรับการเล่นแบบคนเดียว ผู้เล่นทำได้แค่ยืนลั่นกระสุนปืนอยู่บนรถ แทนที่จะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ขับเอง แต่ด้วยความหลากหลายของภารกิจที่มีให้เล่นแบบไม่ซ้ำซากทำให้พอจะทำใจรับได้ ตั้งแต่การใช้บาซูก้ายิงถล่มรถถัง ,ฉากขึ้นไปบนเครื่องบินแล้วยิงเครื่องบินศัตรูที่มาทั้งด้านหน้าและหลัง เล่นเอาวิ่งไปมาบนเครื่องจนหัวหมุน ,ฉากลอบวางระเบิดสะพานขณะรถไฟแล่นมาถึง ,ฉากบุกเกาะซิซิลี ฉากนี้มีนกบินฉวัดเฉวียนกลางท้องฟ้าสีส้มๆอมชมพู จนยกให้ว่าเป็นฉากที่สวยและคลาสสิคที่สุดในเกม และฉากนั่งมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างสุดเท่
ส่วนฉากการรบแบบเด็ดๆและยากแบบสุดหินเห็นจะเป็นฉากรบด้วยเรือกลางท้องน้ำ เรียกว่าฉากนี้ทรมานเมาส์และนิ้วชี้เป็นที่สุด เพราะต้องระดมคลิกขวาให้เร็วที่สุดแถมยังต้องแม่นยำอีกต่างหาก ถ้าช้าหรือยิงมั่วขีดพลังเรือด้านซ้ายอาจหมดและสิ้นท่าไปซะก่อน
ต่อมาผู้เล่นจะย้ายไปรบที่เคิร์ด ด้วยการขึ้นรถบรรทุกไปกับเหล่ากองทหาร บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยเครื่องบินที่ทิ้งระเบิดใส่ตลอดเส้นทาง แรงระเบิด สี ควัน พวยพุ่งออกมาได้เหมือนจริงเลยทีเดียว สำหรับฉากเดียวที่คุณสามารถขับยานพาหนะด้วยตัวเองตามใจชอบนั้นเป็นฉากที่ต้องรับหน้าที่ขับรถถัง เสียงเวลาเปลี่ยนทิศของลำกล้องปืนและจังหวะกระแทกลำกล้องทำได้สมจริงเอามากๆ ส่วนวิธีการขับรถอย่างง่ายๆให้สังเกตที่หน้าจอล่างซ้ายที่มีรูปรถถัง โดยระหว่างบังคับพยายามให้ลูกศรสีขาวเล็กๆชี้ไปด้านบนเสมอ ฉากนี้เองผู้เล่นสามารถขับชนต้นไม้ให้ล้มได้ซะด้วย แต่การต่อสู้กับรถถังศัตรูนั้นดูเหมือนเราจะชนะง่ายเกินไปสักหน่อย
วาระสุดท้ายของสงครามจบลงที่เมือง Kharkov ซึ่งภารกิจที่สร้างความงุนงงให้กับผู้เล่น เห็นจะเป็นการที่เอากล้องส่องทางไกลบอกจุดให้เครื่องบินทิ้งระเบิดรถถังหรือปืนใหญ่ คือเพียงแค่เอากล่องส่องให้มีจุดแดงที่เป้าหมายแล้วคลิกขวาเท่านั้นก็จบ ส่วนภารกิจสุดท้ายเป็นการทำลายรถถัง 5 คัน ท่ามกลางเหล่าทหารศัตรูรายรอบอยู่ด้านหน้า และเมื่อทำลายหมดต้องรักษาชีวิตตัวเองให้รอดภายในเวลา 2 นาที ซึ่งไม่ยากเลยที่จะทำได้ เพราะดงกระสุนอยู่เบื้องหน้าคุณ
ด้านภาพของเกมนี้แม้จะงามหยดย้อยแบบเกมกินทรัพยากรเครื่องทั่วไป แต่ก็สร้างบรรยากาศแห่งสงครามไว้อย่างยอดเยี่ยม ภาพการระเบิดทำได้โดนใจผมที่สุด แต่เรื่องข้อผิดพลาดในเกมเท่าที่พบและไม่สบอารมณ์เห็นจะเป็นการเดินผ่านตัวละครอื่นในเกมที่ทำให้ภาพกระตุกๆโดดๆยังไงชอบกล แถมบางฉากก็มักจะมีนายทหารคนอื่นชอบมายืนวางสนุ๊กบังแนวกระสุนยามที่แอบยิงอยู่มุมที่กำแพง ที่สำคัญอย่าลืมเช็คภารกิจตลอดเวลาว่าให้ทำเราอะไร ไม่งั้นอาจหัวเสียพาลเลิกเล่นไปซะดื้อๆ และอย่าเผลอไปยิงเพื่อนทหารด้วยกัน เพราะมิตรภาพในสนามรบเท่านั้นที่จะนำชัยชนะมาสู่คุณ
บทความแนะนำ