ต้องบอกว่าเรื่องนี้ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีแล้ว ตัวของจ๋าเองนั้นเป็นคนจังหวัดเชียงใหม่ เกิดและโตอยู่ที่นี่ บ้านของจ๋าจะอยู่แถวอำเภอรอบนอก ซึ่งแต่ละหมู่บ้านจะอยู่ค่อนข้างไกลกันพอสมควร โดยรอยต่อระหว่างหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่งก็จะมีทุ่งนากว้างๆ กั้นอยู่ ตอนนั้นจ๋าเรียนอยู่ประมาณสัก ป.6 ไม่น่าจะเกินนี้ ด้วยความที่ตัวจ๋าเป็นเด็กบ้านนอก พอถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ทีไร ก็จะชอบปั่นจักรยานไปกับแก๊งค์เพื่อนๆ ไปเที่ยวซนตามประสาเด็กๆ ซึ่งสมัยนั้นไม่ค่อยมีเกมส์คอมพิวเตอร์เหมือนสมัยนี้
เรื่องมันเริ่มต้นจากวันนั้นเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ช่วงเวลาเกือบๆ เที่ยงวัน คุณจ๋าก็นอนดูทีวีอยู่ที่บ้านปกติ สักพักเพื่อนในกลุ่มที่อยู่แก๊งค์เดียวกันก็ปั่นจักรยานมาหาที่บ้าน ชวนกันออกไปหาเพื่อนๆ คนอื่น พอทุกคนมารวมตัวกันครบแล้วก็คิดกันว่าจะเล่นอะไรกันดี จนมีเพื่อนในแก๊งค์คนหนึ่งที่เป็นหัวโจกเสนอขึ้นมาว่าไปปั่นจักรยานเที่ยวเล่นกันตรงสโมสรร้างท้ายหมู่บ้านกันดีกว่า เพราะตัวเขาเองนั้นเคยไปเลี้ยงวัว เลี้ยงแพะกับพ่อมา เห็นว่าในนั้นบรรยากาศมันดี แถมยังมีต้นพุทรากับต้นมะม่วงเรียงรายเต็มถนนไปหมด เราจะได้เก็บมากินกัน ทุกคนจึงได้ตกลงใจจะไปที่นั่นกัน
เราปั่นจักรยานไปตามถนนหลักจนกระทั่งไปถึงทางเข้าสโมสร มันจะเป็นทางแยกเข้าไปเป็นถนนส่วนบุคคลที่สร้างเพื่อให้เข้าไปในสโมสรโดยตรง จึงไม่มีคนขับรถผ่านไปผ่านมาแม้แต่คนเดียว แก๊งค์ของจ๋าก็ชอบใจกันใหญ่เพราะจะได้เล่นกันโดยที่ไม่ผู้ใหญ่มากวนใจ จากปากทางเข้าสโมสรไปถึงตัวอาคารด้านใน ค่อนข้างจะไกลกันพอสมควร พวกเราปั่นกันจนเหนื่อยเลย
เมื่อเราไปถึงมันก็เป็นอย่างที่เพื่อนบอกจริงๆ มีต้นพุทรากับมะม่วงเยอะมาก ตรงตัวอาคารเป็นตึกขนาดใหญ่ ด้านหลังเป็นสนามฟุตบอล เพื่อนคนที่เป็นหัวโจกก็เลยเสนอว่าจะขึ้นไปสำรวจตัวอาคารนั้นกัน ด้วยความที่ทุกคนเป็นเด็ก ไม่มีใครคาดคิดถึงเรื่องอันตรายหรือเรื่องผีสางอะไรเลย พอเพื่อนชวน แต่ละคนก็เออออห่อหมกไปตามๆ กัน เริ่มที่ชั้นแรกต้องเดินขึ้นบันไดไปนิดหน่อย พอพ้นบันไดไปกลับเป็นสระว่ายน้ำ เราก็สำรวจกัน จากชั้นหนึ่ง ชั้นสอง เดินกันไปเรื่อยๆ พอมาถึงชั้นสาม พอพ้นบันไดมา รู้สึกเหมือนมีลมปะทะที่หน้าแบบจังๆ
สักพักกลิ่นสาบเริ่มโชยเหมือนกับมีอะไรสักอย่างมาตายและเน่าอยู่แถวนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ สองชั้นที่ผ่านมา ไม่มีวี่แววว่าจะมีลมพัดแรงขนาดนี้ในตัวอาคารเลย จนสักพักเพื่อนในแก๊งค์คนหนึ่งมาสะกิดที่แขนของจ๋าเบาๆ แล้วชี้ให้จ๋าดูที่ห้องๆ หนึ่ง ภายในห้องก็โล่งๆ ไม่มีข้าวของอะไรทั้งนั้น แต่ตรงมุมห้องมันมีกองกระดูกวางอยู่ สภาพเหมือนกระดูกตัวอะไรสักอย่างที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับลูกวัว ซึ่ง ณ ตอนนั้นเอง จ๋าก็ไม่ได้คิดอะไร ในใจคิดเพียงว่ากลิ่นเน่าๆ เมื่อกี้คงจะมาจากกองกระดูกนี้แน่ๆ
พอสำรวจตามอาคารครบทุกชั้นแล้ว เพื่อนหัวโจกก็บอกว่าลงไปนั่งที่ใต้ต้นไม้กันดีกว่า จะได้ไปเก็บผลไม้มานั่งกินด้วย พอแดดล่มลมตกก็จะปั่นจักรยานออกกำลังกายรอบสโมสรนี้ พอเหนื่อยๆ ค่อยกลับบ้านกัน ทุกคนก็เป็นอันตกลงพากันไปนั่งใต้ต้นมะม่วง เอาขนมที่พกมาจากบ้านมาแบ่งกันกิน แล้วก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย พอตะวันเริ่มคล้อยจะตกดินก็กะเวลาสักประมาณห้าโมงเย็นเห็นจะได้ ก็เลยชวนกันปั่นจักรยานออกกำลังกายรอบสโมสร
พอปั่นกันจนเหนื่อยได้ที่พวกเราก็พากันออกมาปั่นด้านหน้าตัวอาคาร ตอนนั้นราวๆ หกโมงเย็นเห็นจะได้ แสงอาทิตย์เริ่มจะไม่ค่อยมี แต่ก็ยังคงมีเห็นบ้าง เรากะว่าพักเหนื่อยเสร็จก็จะกลับบ้านกันเลย ระหว่างที่พักกันอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงดังตุ้บ เหมือนกับมรอะรไสักอย่างที่หนักมากๆ หล่นลงมากระแทกพื้น แต่พอทุกคนหันไปมองตามเสียง กลับไม่พบต้นตอของเสียงนั้นเลย ก็เลยสันนิษฐานกันว่าอาจจะเป็นแมวหล่นลงมาหรือเปล่า
ในตอนนั้นพวกเราก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ยังคุยกันเสียงดังอยู่ สักพักมีเสียงกรี๊ด ตามด้วยดังตุ้บอีกครั้ง ทุกคนก็หันไปมองพร้อมกันอีกก็ยังไม่เจอต้นตอของเสียงนั้น แต่คราวนี้มันมีกองเลือดขนาดใหญ่ อยู่ตรงที่ๆ เราได้ยินเสียงอะไรสักอย่างหล่น ทุกคนเริ่มใจคอไม่ดี แต่ก็ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องของผีสาง สักพักเพื่อนในกลุ่มก็ร้องไห้ขึ้นมาพลางชี้ไปบนตัวอาคาร ด้วยสัญชาติญาณ เพื่อนๆ ก็พร้อมใจกันหันไปมองตามที่เพื่อนคนนั้นชี้ ภาพที่เห็นคือ
ผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่บนหลังคาของตัวอาคาร และก็กำลังมองมาที่กลุ่มของพวกเรา แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ค่อยๆ แสยะยิ้มมาทางพวกเรา จากนั้นค่อยๆ เอียงตัวไปทางซ้าย แล้วค่อยๆ เอียงตัวไปทางขวา จนลำตัวขนานกับพื้นผิวของหลังคา ซึ่งมันผิดมนุษย์มนาเอามากๆ ลำพังที่ขึ้นไปยืนบนหลังคานั้นก็ว่ายากแล้ว ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงกับภาพที่เห็นอยู่ขณะนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็กรีดร้องขึ้นมา แล้วกระโดดลงมาต่อหน้าต่อตาทุกคน หลังจากนั้นพวกเราก็ตัวใครตัวมันล่ะค่ะ จ๋าปั่นจักรยานแบบไม่คิดชีวิต มาถึงบ้านของตัวเองได้อย่างปลอดภัย และก็ร้องไห้กลับเข้ามาในบ้านจนพ่อกับแม่ต้องมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ไปเจออะไรมา จ๋าจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พ่อฟัง แถมยังโดนบ่นไปชุดใหญ่ และยังถูกสั่งห้ามว่าไม่ให้ใครเข้าไปสถานที่ตรงนั้นอีก
ตัวจ๋าเองคิดว่าเรื่องราวมันน่าจะจบลงเพียงเท่านี้ แต่มันไม่ใช่แค่นั้นเรื่องหลอนที่สุดมันกำลังเกิดชึ้นกับเพื่อนของจ๋า หลังจากที่จ๋าโดนพ่อบ่น ก็อาบน้ำกินข้าว ดูทีวีและกำลังเตรียมตัวจะเข้านอน หลังจากเข้านอนตอนนั้นก็ราวๆ สามสี่ทุ่มได้ ลุงศักดิ์พ่อของเพื่อนก็มาหาที่บ้าน ลุงศักดิ์ถามว่ามัดกับเมย์มาที่นี่มั้ย ต้องบอกก่อนนะคะว่าเพื่อนของจ๋าเป็นฝาแฝด พ่อก็บอกว่าไม่ได้มา ลุงศักดิ์ก็บอกว่าป่านนี้เนี่ย สองคนนั้นยังไม่กลับเข้าบ้าน ไปตามหาที่บ้านเพื่อนคนอื่นๆ ก็ไม่เจอจนมาหาที่บ้านจ๋าหลังสุดท้ายนี่แหละ
พ่อของจ๋าเห็นว่าไม่ค่อยดีแล้วจึงบอกลุงศักดิ์ว่า วันนี้พวกเด็กๆ ๆปทำวีรกรรมไว้ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนดูสีหน้าไม่ค่อยดี แล้วก็คุยอะไรกันต่อสักพัก ก็พากันขับรถออกจากบ้านไป จนจ๋ามาทราบทีหลังเพราะพ่อเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่พ่อกับลุงศักดิ์ออกจากบ้านไป จนคุณจ๋ามาทราบทีหลังเพราะพ่อเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่พ่อกับลุงศักดิ์ออกจากบ้านไปก็ไปหาผู้ใหญ่บ้านแล้วระดมชาวบ้านมาช่วยกันตามหามัดกับเมย์ ตอนนั้นมีคนมาช่วยตามหาเกือบสามสิบคนโดยถือคบเพลิงกันไปด้วย เริ่มแรกก็ตามหากันบริเวณรอบตัวอาคาร เพราะทุกคนคิดว่าเพื่อนของจ๋าทั้งสองคนน่าจะตกใจจนวิ่งหนีไปที่ไหนสักแห่ง แต่หายังไงก็หาไม่เจอ จนตัดสินใจเดินไปตามหาบนตัวอาคาร แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจออีก
ทุกคนเริ่มหมดหนทางจนมีลุงคนหนึ่ง แกเป็นสัปเหร่อและเป็นคนที่มีวิชาอาคม ก็ได้ทำพิธีตามความเชื่อของชาวบ้าน นั่นก็คือการขอขมาเจ้าที่เจ้าทางให้ช่วยเปิดทางตามหาเด็กทั้งสองคนให้เจอ พอทำพิธีเสร็จก็ออกมาหาอีกครั้งจนได้พบมัดกับเมย์นั่งกอดคอกันร้องไห้อยู่ริมสระว่ายน้ำ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ พ่อของคุณจ๋าก็เดินผ่านจุดนั้นตั้งหลายรอบ แต่กลับไม่เจอใครเลย เพื่อนฝาแฝดของจ๋าได้มาเล่าให้ฟังทีหลังว่า
หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นกระโดดลงมา แล้วทุกคนกำลังหนีกระเจิดกระเจิงกันไปนั้น มัดซึ่งเป็นแฝดพี่ที่กำลังควบจักรยาน รอให้น้องตัวเองมาซ้อนท้ายอยู่นั้น เพื่อนๆ ทุกคนก็หนีกันออกไปหมดแล้ว เหลือจักรยานมัดคันสุดท้าย ขณะที่เมย์ขึ้นซ้อนท้ายนั่นเอง ผีผู้หญิงคนนั้นก็คลานมาด้วยความเร็วจนมาถึงจักรยานของทั้งคู่ ผีตนนั้นก็ดึงท้ายจักรยานไว้ ไม่ให้เพื่อนของจ๋าปั่นออกไปได้ แล้วหลังจากนั้นทั้งสองคนก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย มารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในสระว่ายน้ำแล้ว
หลังจากนั้นก็มีคนมากมายตะโกนเรียกชื่อมัด พร้อมกับถือคบเพลิงไปด้วย มัดมองเห็นพ่อของจ๋าเดินผ่านไปมาหลายครั้ง มัดและเมย์ก็พยายามตะโกนกันว่าพวกหนูอยู่ตรงนี้ ช่วยพวกหนูด้วย แต่กลับไม่มีทีท่าว่าพ่อของหนูจะได้ยินเลย แล้วสักพักใหญ่ๆ ถึงจะมีคนมาเจอ ตอนนั้นตัวของจ๋าเองก็ไม่ได้คิดที่จะหาคำตอบว่าสิ่งที่เจอนั้นมีที่มาจากอะไรและผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร จนเวลาล่วงเลยมาหลายปี จ๋าได้มีโอกาสได้ไปเจอกับคุณลุงท่านหนึ่ง บ้านของแกอยู่ใกล้ๆ กับทางเข้าสโมสรร้างนั้น
แกเล่าให้ฟังว่าแต่เดิมนั้นสโมสรแห่งนี้ เจ้าของเก่าสร้างให้เป็นสโมสรฟุตบอล มีฟิตเนส สระว่ายน้ำและก็สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ มากมาย แต่ก็มาประสบปัญหาพิษเศรษฐกิจในสมัยนั้นก็เลยเลิกกิจการไป จนมีคนมาซื้อกิจการต่อและก็ยังทำเป็นสโมสรฟุตบอลแบบเดิม ในระหว่างที่กำลังปรับปรุงตัวอาคารอยู่นั้น จะมีแรงงานชาวพม่าที่มารับจ้างทำงานก่อสร้าง และมีสามีภรรยาคู่หนึ่งเกิดทะเลาะกันจนภรรยาเกิดน้อยใจ กระโดดตึกชั้นสามลงมาเสียชีวิต พร้อมๆ กับลูกในท้องที่เป็นลูกแฝดอีกด้วย และจุดที่ผู้หญิงคนนั้นกระโดดลงมาเสียชีวิตก็คือจุดที่พวกเราไปเจอมานั่นเอง
หลังจากนั้นพวกคนงานก็อยู่กันไม่ได้ เพราะวิญญาณของเธอนั้นเฮี้ยนมาก เปลี่ยนคนงานใหม่กี่ชุดๆ งานก็ไม่เคยเสร็จ นิมนต์พระมาก็แล้วก็ยังแก้ไขไม่ได้ จนเจ้าของเขาปล่อยให้ทิ้งร้างไป พวกจ๋าก็เลยเดากันเล่นๆ ว่า อาจจะเป็นเพราะผีพี่ผู้หญิงเขามีลูกแฝด เลยเป็นสาเหตุที่วันนั้นเขาเลือกเอาเมย์กับมัดไปซ่อน แล้วคุณลุงยังเล่าอีกว่า คนที่เอาวัวเอาแพะไปเลี้ยงที่สโมสรร้างนั้น วันดีคืนดีวัวเกิดหายไป พอตามรอยเท้าไปปรากฏว่ารอยเท้านั้นเดินเข้ไปในตัวอาคารจนไปเจอเป็นซากที่เครื่องในหาย อวัยวะฉีกขาดเลยก็มี และที่น่าแปลกคือมักจะไปเจอซากสัตว์พวกนี้อยู่บริเวณชั้นสามของอาคาร ทั้งๆ ที่ตามหลักแล้ว สัตว์พวกนี้ไม่น่าจะขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นสามได้เลย จ๋าเองก็เลยนึกถึงตอนที่พวกเราเดินไปเจอกองกระดูกอยู่ที่ชั้นสาม พอคิดๆ ดูแล้วมันก็เป็นแบบที่ลุงเขาว่าจริงๆ นั่นแหละ เรื่องราวทั้งหมดก็มีประมาณนี้กับเหตุการณ์ที่จ๋าและเพื่อนๆ ไปเจอะไปเจอมาเมื่อตอนที่ยังเป็นเด็กๆ
ที่มา เดอะช็อคสตอรี่ โดยคุณจ๋า
ปิศาจหมาดำ
รวมตำนานผีนานาชาติและปิศาจทั่วโลก
5 ฆาตกรต่อเนื่องที่ยังคงลอยนวลอยู่
5 ผีปีศาจที่มาเยือนยามค่ำคืน
เบลล์ กันเนส ฆาตกรหญิงสุดโฉด แม่ม่ายผู้เหี้ยมโหดแห่งอเมริกา
อาชญากรรมดำดิน เอล ชาโป กุซมัน
25 การทรมานสุดโหดในประวัติศาสตร์
อัจฉริยะจอมโฉดมือระเบิดต่อเนื่องยูนาบอมเบอร์
เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ
บทความแนะนำ